xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) ชาวบ้านไม่ทน ร้องท่าข้าวทำฝุ่นละอองข้าวฟุ้งทั่วหมู่บ้าน ถ่ายคลิปส่งให้นักข่าวช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยนาท - ชาวบ้านสุดทน ท่าข้าวทำฝุ่นละอองข้าวฟุ้งทั่วหมู่บ้าน ทำชาวบ้านเดือดร้อนทนสูดฝุ่นนานนับปี ร้องหน่วยงานเรื่องไม่คืบ จึงถ่ายคลิปส่งให้นักข่าวช่วย

วันนี้ (17 ธ.ค.) ชาวบ้าน ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้บันทึกภาพวีดีโอขณะที่รถตักข้าวเปลือก ของท่าข้าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โพงาม อ.สรรคบุรี กำลังทำการโกยกองข้าวเปลือกไปมา ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน ซึ่งทำให้เกิดฝุ่นละอองข้าวลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ซ้ำยังมีเสียงดังจากการทำงานของเครื่องจักรส่งมาให้นักข่าวดู และร้องเรียนขอความช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อน ต้องทนหายใจเอาฝุ่นละอองข้าวเข้าปอดมานานนับปี


ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับชาวบ้านที่เดือดร้อน นายวิบูลย์ หริ่งรอด อายุ 58 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.โพงาม เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ใกล้กับท่าข้าว ต่างได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการรับซื้อขายข้าวเปลือก ของท่าข้าวแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะฝุ่นละอองข้าวที่เกิดจากการตักโกยข้าวเปลือก การผสมข้าวเปลือก และตักข้าวเปลือกขึ้นรถสิบล้อ ทำให้เกิดฝุ่นละอองข้าวจำนวนมากลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณหมู่บ้าน และยังเกิดเสียงดังจากการทำงานของเครื่องจักร เป็นแบบนี้เกือบทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทำให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพ ทั้งต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา และการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก

นายวิบูลย์ บอกว่า เมื่อเดือนเมษายน 2566 ชาวบ้านไปร้องเรียนให้เทศบาลตำบลโพงาม และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสรรคบุรี ให้ช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดกิจการชั่วคราว และปรับปรุงแก้ไข แต่ผู้ประกอบการไม่หยุดกิจการ ยังคงทำต่อเนื่องทุกวัน ฝุ่นละอองข้าวยังลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ตนซึ่งมีบ้านห่างจากท่าข้าวเพียง 39 เมตร ต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้ผ้ามาปิดบังประตูหน้าต่าง ทำสเปรย์พ่นละอองน้ำ เพื่อช่วยลดฝุ่นละอองที่ลอยเข้าบ้าน และปล่อยให้ต้นไม้ข้างบ้านที่อยู่ติดกับรั้วท่าข้าวให้ขึ้นรกๆ ไว้ เป็นแนวป้องกันฝุ่น อยากให้หน่วยงานเร่งจัดการแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมานานนับปี และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่กับฝุ่นไปอีกนานเท่าไหร่

เช่นเดียวกับ น.ส.ประจักษ์ ไทยเขียว อายุ 73 ปี เปิดเผยว่า ละอองข้าวที่ฟุ้งกระจายลอยเข้าบ้านของตนได้รับผลกระทบตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ช่วงนี้ฤดูหนาวลมเปลี่ยนทิศฝุ่นจะลอยไปทางทิศตะวันตก บ้านที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกจะได้รับผลกระทบ ส่วนฤดูอื่นๆ 7-8 เดือน ลมจะพัดมาทางบ้านตน ฝุ่นจะเต็มบ้านไปหมด ยังมีผลกระทบกับสุขภาพทั้งภาวะการหายใจ แพ้อากาศ คันผิวหนัง และเสียงที่ดังจากการทำงานของท่าข้าวตลอดเวลา

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายเดชา ขุมเงิน รองนายกเทศมนตรีตำบลโพงาม เปิดเผยว่า ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ม.7 ต.โพงาม ที่ได้รับจากฝุ่นละอองข้าวเปลือกจำนวนมากและเสียงดังของเครื่องจักรในการดำเนินกิจการรับซื้อขายข้าวเปลือกของท่าข้าวในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าอยู่กลางชุมชน มีบ้านเรือนพักอาศัยโดยรอบ โดยเฉพาะที่อยู่ในรัศมีใกล้กับท่าข้าวในระยะ 200 เมตร จำนวน 11 หลังคาเรือน รวม 34 คน ได้รับผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อบริเวณบ้านเรือนข้าวของเครื่องใช้ การซักผ้า การตากผ้า ด้านสุขภาพส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา สร้างความยากลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทางเทศบาลตำบลโพงาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่ามีฝุ่นละอองจริง และพบว่าผู้ประกอบการดังกล่าวประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

จึงสั่งดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ไปแล้ว และสุดท้ายได้มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งผู้ประกอบการไม่มีระบบป้องกันที่ดี มีเพียงการขึงสแลนกรองแสงสีเขียวไว้จำนวน 2 ด้าน มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 4-5 เมตร ซึ่งไม่สามารถยับยั้งหรือป้องกันฝุ่นละอองและเสียงดังได้ ผู้ประกอบการได้เพิกเฉยต่อคำสั่ง ยังดื้อดึงและเปิดดำเนินกิจการโดยไม่มีวันหยุดอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สรรคบุรี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ประกอบการดังกล่าว ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ไปตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งคดีอยู่ระหว่างตำรวจดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยังพนักงานสอบสวน สภ.สรรคบุรี ได้รับการเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกผู้ประกอบการมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา








กำลังโหลดความคิดเห็น