ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวไร่อ้อยน้ำพอง จ.ขอนแก่น เลือกตัดอ้อยสดด้วยแรงงานคนแทนใช้เครื่องจักร ชี้แม้ใช้เวลานานแต่ได้กำไรมากกว่า ทั้งยังเกิดการจ้างงานคนในหมู่บ้าน โรงงานให้คิวหีบอ้อยก่อนอ้อยเผา วอนรัฐช่วยเหลือราคารับซื้อให้ถึงตันละ 1,200 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้พื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ฤดูกาลเปิดหีบอ้อยปีการผลิต 2567/2568 การเพาะปลูกอ้อยพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พบว่าเกษตรกรส่วนหนึ่งยังคงใช้วิธีการเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีดั้งเดิม คือการตัดอ้อยสดด้วยแรงงานคนโดยไม่ใช้เครื่องจักร เช่น รถตัดอ้อยในไร่อ้อย
นายสุรศักดิ์ หาโคตร อายุ 51 ปี เกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพทำไร่อ้อย ปี 2567 ได้ปลูกอ้อยจำนวน 40 ไร่ อยู่ในพื้นที่บ้านหนองบัวบาน หมู่ที่ 5 ต.ทรายมูล อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น การปลูกอ้อยแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 12-13 เดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งต้นทุนการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 10,000 บาทต่อไร่ ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 12-15 ตัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูก ถ้าเป็นพื้นที่นาจะได้ผลผลิตถึง 15 ตันต่อไร่ ด้านการตัดอ้อยสดแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการตัดแบบเผา แต่ก็จะได้ราคาขายดีกว่า
ปัจจุบันราคารับซื้ออ้อยอยู่ที่ 1,160 บาทต่อตัน หากเป็นอ้อยเผาจะโดนหักตันละ 60 บาท โรงงานจะรับซื้ออยู่ที่ 1,100 บาท การตัดอ้อยปัจจุบันเกษตรกรบางรายยังคงใช้แรงงานคน ซึ่งทำให้ยังมีการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน การตัดอ้อยสดก็จะมีค่าใช้จ่ายของรถสางอ้อย ซึ่งราคาตันละ 40 บาท ราคาจ้างแรงงานคนคิดเป็นตัน ตันละ 110 บาท แต่อาจทำให้ใช้เวลาการตัดนาน เกษตรกรบางรายที่พอมีทุนทรัพย์ก็จะใช้รถตัดอ้อยแทน แต่ต้องมีการเตรียมแปลงอ้อยให้เหมาะสมที่จะสามารถให้รถเข้ามาตัดได้โดยไม่ทับต้นอ้อยภายในไร่
นายสุรศักดิ์ฝากถึงรัฐบาลอยากให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องราคาอ้อย ซึ่งปัจจุบันรับซื้ออ้อยสดตันละ 1,160 บาท แต่เนื่องจากการตัดอ้อยสดมีต้นทุนในการเก็บเกี่ยวค่อนข้างสูง จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้านราคารับซื้อให้ถึงตันละ 1,200 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า การขนส่งอ้อยเข้าโรงงาน ทางโรงงานจะทำการหีบอ้อยสดก่อนอ้อยไฟไหม้ที่เผาก่อนตัดจะต้องรอคิวก่อน พร้อมกันนั้น ผู้ที่ตัดอ้อยสดจะได้รับเงินพิเศษตันละ 60 บาท ส่วนชาวไร่อ้อยที่นำอ้อยไฟไหม้มาส่งโรงงานจะถูกหักตันละ 60 บาทนำมาให้ผู้ส่งอ้อยสดเข้าโรงงานน้ำตาลต่อไป