เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่จับมือ อบจ.เชียงใหม่ลงนาม MOU จัดสรรงบประมาณเฉียด 11 ล้านบาท สนับสนุนมูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ เดินเครื่องเต็มสูบสู้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน ปกป้องปอดประชาชนจากฝุ่นพิษ PM 2.5 เน้นการมีส่วนร่วม 727 หมู่บ้านแนวเขตเฝ้าระวัง
วันนี้ (16 ธ.ค. 67) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานมูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ และนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสนับสนุนงบประมาณดำเนินการควบคุมไฟป่า และฝุ่นควัน ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสรรงบประมาณ 10,990,000 บาท ให้แก่มูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า ในรูปแบบการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนใน 727 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านแนวเขตเฝ้าระวังไฟป่าใน 24 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ เช่น การทำแนวกันไฟ การตั้งหน่วยปฏิบัติการดับไฟป่า การออกลาดตระเวน การให้ความรู้แก่ชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดต่อสุขภาพของประชาชน
ขณะเดียวกันยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งมี 15 หน่วยงานที่แสดงเจตนารมณ์ในการร่วมมือป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง รวมทั้งสนับสนุนแนวทางการบริหารจัดการเชื้อเพลิงเพื่อสร้างระบบกองทุนงบประมาณ โดยชุมชนนำไปสู่การจัดการไฟป่า และทรัพยากรธรรรมชาติอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนมาตรการอากาศสะอาด เชียงใหม่ ปี 2568 ภายใต้แนวคิด ร่วมมือกันเพื่อสร้างอากาศสะอาด Collaboration to create clean air ที่ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ การป้องกัน และลดการเกิดไฟป่า และ มลพิษ ที่ต้นทางจากแหล่งกำเนิด, การลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน, การบริหารจัดการ และกลไกการทำงานร่วมกัน และการสร้างความยั่งยืน
นอกจากนี้ ได้มีพิธีเปิด War Room ศูนย์อำนวยการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ด้านหน้าอาคารหอประชุม สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการมอบเครื่องมือ อุปกรณ์ ให้ตัวแทนเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานควบคุม และดับไฟป่า ให้นำไปใช้งานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่า ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมต่อไป