เชียงใหม่ - คืบคดีคนร้ายอ้างเป็น จนท.ปกครองบุกปล้นทรัพย์ร้านกัญชากลางเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดตำรวจรวบผู้ต้องหาเพิ่ม 2 รายหลังหลบหนีไปกบดานที่พัทยา ยังเหลืออีก 1 รายที่ออกหมายจับแล้ว คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดชลบุรี นำกำลังบุกเข้าจับกุมนายปาริฉัตร อร่ามหนุน หรือนิวดาว อายุ 30 ปี และนายฐิตินันท์ ศรีวิจารณ์โยธา หรือ นัด อายุ 22 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองพัทยา หลังได้รับการประสานงานจากตำรวจ สภ.ช้างเผือกให้นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ได้ร่วมกันพร้อมผู้ต้องหาอีก 3 คนก่อเหตุปล้นทรัพย์ นายอัฐพงษ์ อายุ 25 ปี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 เวลา 03.00 น. ได้ทรัพย์สินไปทั้งหมดกว่า 300,000 บาท ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนขึ้นรถทัวร์พร้อมแฟนสาวจากจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 12 ธ.ค. 67 ถึงพัทยาเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 67 กระทั่งเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันถูกตำรวจรวบตัวได้ ก่อนจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายจีระเชฏฐ์ หรือหรั่ง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างของร้านกัญชา โดยทำหน้าที่เป็นนกต่อ และนายพลากร หรือแคมป์ อายุ 26 ปี พร้อมของกลางในการก่อเหตุ ทั้งโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย อุปกรณ์ในการก่อเหตุ และเงินสดจำนวน 16,000 บาท ก่อนจะขยายผลตามล่าตัวผู้ต้องหาที่เหลือ ซึ่งขณะนี้เหลือผู้ต้องหาอีก 1 คน คือ นายจิรายุส อนันต์ศิริ หรือไอซ์ อายุ 19 ปี ที่กำลังหลบหนีอยู่
โดยวันนี้ (14 ธ.ค. 67) พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันลงมือก่อเหตุจริง โดยนายพลากร หรือแคมป์ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาได้มีเรื่องโกรธแค้นกับนายอัฐพงษ์ เจ้าของร้านกัญชา เพราะก่อนหน้านี้นายพลากรเคยถูกชุดสืบสวนภาค 5 จับคดีพกพาอาวุธปืนเถื่อน โดยอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวนั้นเป็นของนายอัฐพงษ์ให้นายพลากรนำไปแต่ง แต่เมื่อนายพลากรถูกจับกุมมาขอเงินและขอความช่วยเหลือแต่ถูกปฏิเสธ จึงได้เกิดความแค้นสะสม เลยให้นายหรั่งซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นนกต่อ ก่อนจะพาเพื่อนบุกปล้น และบังคับให้นายอัฐพงษ์โอนเงินเข้าบัญชีของนายจิรายุส อนันต์ศิริ หรือไอซ์ อายุ 19 ปี ก่อนจะนำเงินที่ได้มาแบ่งกันและแยกย้ายกันหลบหนีกระทั่งถูกจับกุมได้ โดยเบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม