สระบุรี - บิ๊กเต่า พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ภูนับดาว อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และพื้นที่โดยรอบกว่า 600 ไร่ เพื่อดูว่าจุดไหนมีการกระทำผิดกฎหมาย หรือมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ พร้อมเผยช่วงนี้ยุ่งไม่มีเวลาคุยกับใคร เอาไว้ไปสู้กันที่ศาล
เวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ (12 ธ.ค.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมนายกฤศกร สนิทศักดิ์ดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1 นายปรีชา ลิ้มถวิล รองเลขาธิการ ส.ป.ก. นายพนมไพร ดีใหม่ ผู้อำนวยการสำนักแผนที่และสารบบที่ดิน ส.ป.ก. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตำรวจ บก.ปปป. และตำรวจ บก.ปทส. ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ภูนับดาว รวมถึงพื้นที่โดยรอบที่ขยายวงออกไปอีกกว่า 600 ไร่ เพื่อดูว่าจุดไหนมีการกระทำผิดกฎหมาย หรือมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ รวมถึงมีข้าราชการในพื้นที่และนายทุนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า พื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่แต่มีข้อยกเว้นที่ไม่สามารถออก ส.ป.ก.ได้ จึงมองว่าหาก ส.ป.ก.จะออกได้ทุกที่โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเป็นป่าไม้ หรือออกให้กับคนที่ไม่มีคุณสมบัติ มองว่า ส.ป.ก.จะล้ำเส้นไปหรือเปล่าเพราะป่าก็คือป่า ควรจะไปออกในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านซึ่งทำมาโดยปกติและอยู่กันมาเป็นเวลานาน แต่พื้นที่กลับไปอยู่ในมือของนายทุน วันนี้ไม่ได้มาเพราะเรื่องการเมือง แต่มาเพราะต้องการเรียกคืนพื้นที่ให้เกษตรกรโดยแท้จริงได้มีพื้นที่ทำกินไปถึงลูกหลาน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการลงพื้นที่มาตรวจสอบในวันนี้หากพบพยานหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรายใดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการขอศาลเพื่อออกหมายจับไม่มีละเว้นทุกราย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบการออกเอกสารสิทธิขณะนี้ที่พบมีสองส่วนคือในส่วนของไร่ภูทับดาว และพื้นที่โดยรอบอีกประมาณ 600 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ กรรมการที่ออกเอกสารสิทธิเป็นชุดเดียวกัน ดังนั้นเราจึงจะต้องบังคับใช้กฎหมากับข้าราชการทุกคนที่กระทำความผิด หรือคนที่มีส่วนร่วมการทุจริตกับเกี่ยวกรณีนี้ เพื่อนำผืนแผ่นดินกลับคืนให้พี่น้องเกษตรกรจริงๆ
โดยที่ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และยืนยันว่าการเมืองจะมาใช้พวกตนไม่ได้ เรามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ เราเป็นข้าราชการของแผ่นดิน ต้องทำงานตามหน้าที่ของเราเพื่อความยุติธรรมของเกษตรกร แล้วจะนำที่ดินกลับคืนมาสู่มือของเกษตรกรอย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้เรามีรายชื่อคณะกรรมการหมดแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ ส่วนที่ใครจะมาติดต่อเพื่อขอคุยด้วยคงไม่มีเวลาคุยด้วย เพราะช่วงนี้งานยุ่งเอาไว้ไปสู้กันที่ศาล ซึ่งเราข้าราชการผู้ถือกฎหมายต้องดำเนินการตามหน้าที่ ไม่ได้มากลั่นแกล้งใคร ผิดถูกให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และจะขอคุมคดีนี้ด้วยตนเอง
ด้านนายปรีชา ลิ้มถวิล รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เผยว่า ที่ผ่านมามีคนมาปลูกป่าตรงนี้ ใครที่มีข้อมูลขอให้เอาข้อมูลมาให้เราเพื่อตรวจสอบ ซึ่งเราได้รับที่ดินตรงนี้มาตั้งแต่ปี 2525 ใครที่จะเข้ามาดำเนินการใดๆ หรือเข้ามาในที่ดินของ ส.ป.ก. จะต้องแจ้งให้เราทราบก่อน คือต้องมาทำเรื่องขออนุญาตการใช้ที่ดิน ถ้าหากเป็นหน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้ ส.ป.ก. ทราบก่อน เพื่อที่จะได้ทำให้ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่มีข่าวว่าทางกรมป่าไม้มีการปลูกป่าตั้งแต่ปี 2529-2537 นั้น ต้องไปตรวจสอบว่ามีข้อมูลเรื่องการขออนุญาตปลูกป่าในพื้นที่ ส.ป.ก.หรือไม่ แล้วป่าอยู่ตรงไหน
ด้านนายกฤศกร กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ตรงนี้มีการออก ส.ป.ก.4-01 ให้ชาวบ้านตั้งแต่ปี 2530 โดยมีการระบุชัดเจนว่าพื้นที่ด้านทิศตะวันตก รวมทั้งระวางของ ส.ป.ก. ระบุชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนป่าทั้งหมด อีกทั้งคำพิพากษาของศาลจังหวัดสระบุรีได้มีคำสั่งดำเนินคดีกับบุคคลที่ออก ส.ป.ก. ว่าบุกรุกสวนป่า ซึ่งผู้ที่ถูกดำเนินคดีรับสภาพทั้งหมด มีเพียงภรรยาปลัด อบต. ที่ต่อสู้ถึงศาลฎีกา และถูกจำคุก 6 เดือน ซึ่งคำพิพากษาของศาลระบุชัดเจนว่า มีการวางแผนกันอย่างไร โดยภายหลังพื้นที่ดังกล่าวได้ ส.ป.ก.4-01 แล้ว ทุกคนโอนสิทธิให้กับคนคนเดียวในวันเดียวกันทั้งที่มีการต่อสู้กันจนถึงชั้นศาล ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยได้มีการส่งมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว
ส่วนที่จะมาขยายผลวันนี้คือ พื้นที่ 600 ไร่ โดยคนที่มีชื่อได้รับการโอนมาจากบุคคลคนเดียวและนำไปจัดสรรขาย โดยบุคคลดังกล่าวถูกศาลพิพากษาในคดีบุกรุกสวนป่าเช่นกัน แต่ยังมีการขยายพื้นที่ออกไปอีก 600 ไร่ ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นป่าที่สมบูรณ์
