อุดรธานี - สสจ.อุดรฯ เผยยังไม่มีการสั่งปิดร้านนวดร้านที่ “น้องผิง” นักร้องสาวรถแห่เข้านวดบิดคอจนนำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนหมอนวดทั้ง 7 คนผ่านการอบรมตามหลักสูตรและได้ใบรับรองทั้งหมด ย้ำการนวดบิดคอดัดกระดูกต้องเป็นหมอกระดูกทำได้เท่านั้นและญาติต้องเซ็นอนุญาตก่อนด้วย ส่วนร้านนวดจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตหรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับการตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการ ญาติน้องได้แจ้งความแล้ว
จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ “น้องผิง” ชญาดา พร้าวหอม อายุ 20 ปี นักร้องสาวรถแห่ ชาวบ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการไปนวดคลายเส้นกับหมอนวดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดร คาดว่าจะถูกหมอนวดนวดผิดท่าในท่าบิดคอ จนทำให้กระดูกคอเคลื่อนไปทับเส้นประสาท สุดท้ายเป็นเจ้าหญิงนิทรากว่า 2 เดือน และเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อน้องผิงเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 8 ธ.ค. 67 โดยญาติๆ ได้นำร่างของน้องผิงกลับไปยังบ้านเลขที่ 201 หมู่ 1 บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี
ล่าสุดสายวันนี้ (9 ธ.ค.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าเรื่องของการรักษาหรือสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นรอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม กรณีการนวดไทยถือเป็นซอฟต์เพาเวอร์อย่างหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐ แต่ก็มีร้านนวดหรือคนนวดบางส่วนที่ไม่อยู่ในการควบคุม
ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นไปตามที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าว คือ ผู้ป่วยได้เข้ารักษาในวันที่ 5 ตุลาคม มีอาการเริ่มต้นปวดคอ บ่า ไหล่ และได้ไปนวดที่ร้านหนึ่ง โดยระบุว่ามีการนวดบิดคอ หลังจากนั้นเริ่มปวดท้ายคอ แขนชา จึงกลับไปนวดร้านเดิม คนเดิม ต่อมา 2 สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้น ก็กลับไปนวดร้านเดิมและอาการแย่ลง กระทั่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดรธานี ได้นอนรักษาตัวที่แผนกกระดูกและข้อ ระหว่างวันที่ 6-11 พ.ย. 2567 โดยแพทย์ตรวจสอบพบว่าแขนขาอ่อนแรง มีการเจาะหลังจนทราบว่าเป็นไขสันหลังอักเสบ ซึ่งได้ให้ยาตามหลักวิชาชีพ
หลังจากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น จึงกลับไปพักที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 พ.ย. ญาติพบว่าผู้ป่วยมีอาการเกร็ง กระตุก กระทั่งเข้าไอซียู และได้เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต
นพ.สมชายโชติกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องร้านนวดนั้น เมื่อวานนี้ทาง สสจ.อุดรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านนวดต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ซึ่งมีอยู่ 14 ร้าน ทางเทศบาลเมืองอุดรธานีเป็นผู้ให้เช่า จากการตรวจสอบร้านที่คาดว่าเป็นร้านนวดให้กับผู้ป่วย พบว่าร้านขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ส่วนหมอนวดที่มี ณ ปัจจุบันทั้งหมด 7 คนได้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรและได้ใบรับรองทั้งหมดเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การดัดคอ ดัดกระดูก มีข้อห้ามชัดเจนหรือไม่ นพ.สมชายโชติ ระบุว่า ในหลักสูตรไม่มีการสอนเรื่องนี้ ทั้งนี้ การนวดจะมี นวดราชสำนัก ใช้แค่อุ้งมือ ฝ่ามือ แต่นวดเชลยศักดิ์ จะใช้ศอก เข่า ดัด ซึ่งจะพบในหมอพื้นบ้าน แต่ในหลักสูตรอบรมที่เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นนวดราชสำนัก อย่างไรก็ตาม ขอฝากประชาชน การเข้ารับการนวดต้องสังเกตว่าเป็นร้านที่ใบจดแจ้ง และหมอนวดต้องผ่านการอบรม ที่สำคัญต้องไม่ให้นวดดัดคอ หรืออย่าร้องขอนวดดัดเอง เพราะบางคนชอบการนวดแรงๆ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรฯ กล่าวย้ำว่า สำหรับการดัดกระดูก ถือเป็นวิชาชีพเฉพาะ เป็นในส่วนหมอกระดูก ก่อนจะดัดกระดูกต้องให้คนไข้เซ็นยินยอม ซึ่งไม่ใช่ทำกันง่ายๆ แต่สถานประกอบการนวดทั่วไปจะเป็นนวดเพื่อสุขภาพ ไม่สามารถทำแบบนี้ได้
ส่วนที่มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะมีการสั่งปิดร้านนวดชั่วคราวหรือไม่ นพ.สมชายโชติกล่าวว่า การจะสั่งปิดได้ ต้องหมายถึงไม่ได้มาตรฐาน ไม่ทำตามข้อกำหนด แต่เบื้องต้นที่ไปตรวจสอบร้านนี้ยังไม่พบประเด็นดังกล่าว แต่ในเรื่องที่เป็นข่าวก็จะต้องพิสูจน์ทราบต่อไป ซึ่งญาติได้แจ้งความแล้ว หากพิสูจน์ทราบว่าเกี่ยวข้องกับการนวด ก็อาจต้องผ่าชันสูตรหาข้อเท็จจริงต่อไป