ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมียนักโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน ดับเครื่องชนขบวนการหลอกขายที่ดินเชิงเขากระทิง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำสูญเงินเกือบ 40 ล้านบาท ซ้ำยังถูกหน่วยงานทหารแจ้งความเอาผิด เผยมีทั้งข้าราชการ ผู้ใหญ่บ้าน และทนายความร่วมแก๊ง ลั่นเรื่องนี้ต้องถึง ปปง.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (3 ธ.ค.) น.ส.ลำไย ซ่อมแก้ว อายุ 45 ปี ภรรยานักโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูนชัย ชูรัตน์ และนายธเนศ ทวิภมรกุลวงศ์ ซึ่งเป็นทนายความ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวได้ร่วมกันแถลงขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน หลังถูกผู้ใหญ่บ้าน และทนายความหลอกขายที่ดิเขากระทิง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนทำให้ถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ และสร้างความเสียหายให้ตนและครอบครัวมากกว่า 30 ล้านบาท
น.ส.ลำไย เผยว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 ที่ผ่านมา ตนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อให้ดำเนินคดีกลุ่มข้าราชการ ผู้ใหญ่บ้าน และทนายความซึ่งทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ อ.สัตหีบ ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง ด้วยการหลอกลวงให้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินหลังหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขากระทิง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โดยกลุ่มผู้หลอกลวงยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองใช้ประโยชน์มานานแล้วจนสามารถซื้อขายสิทธิ และออกเอกสารสิทธิการครอบครองได้ และในครั้งนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐร่วมออกหนังสือตราครุฑรับรองการครอบครองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และมีทนายความ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายรับรอง
รวมทั้งยังได้เป็นธุระติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินให้เข้าทำรังวัดเพื่อตรวจสอบแนวเขต รวมถึงติดต่อขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย จนทำให้ทั้งสามีและตนเองหลงเชื่อจึงตัดสินใจทำสัญญาซื้อขายที่ดินในครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.65 และได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายรวมทั้งจ่ายเงินครั้งแรก จำนวน 5 แปลงจากผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินเดิม และที่ดินของกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย รวมเป็นเงิน 3,300,000 บาท
“จากนั้นจในช่วงเดือน ม.ค.66 ยังได้ซื้อขายที่ดิน และจ่ายเงินค่าที่ดินอีกหลายครั้งรวม 17 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 280 ไร่ เป็นเงินประมาณ 29 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่กลุ่มผู้หลอกลวงอ้างว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน ดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ และดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวกับที่ดินอีกกว่า 7 ล้านบาท”
น.ส.ลำไย ยืนยันว่าตนและญาติรวม 5 คนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำการเกษตร และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว กระทั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.67 ได้ถูกพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า โดยมีหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชบ.1 (บางละมุง) และฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นผู้กล่าวโทษ
และยังยืนยันว่ากลุ่มผู้หลอกลวงนำที่ดินมาขายตนเองและสามี ได้ทำการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ในการขายที่ดิน แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีอาญา นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มหลอกลวงกลุ่มนี้ยังได้นำที่ดินบริเวณใกล้เคียงไปขายให้บุคคลอื่นอีกหลายราย และได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สัตหีบ แล้ว และหลังจากนี้ยังจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อร้องขอความเป็นธรรมและดำเนินคดีกลุ่มข้าราชการ และทนายต่อสำนักงาน ปปง. ในความผิดฐานฟอกเงินอีกด้วย