ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชาวบ้านโคราชพบหัวกะโหลกและชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์โบราณ คาดอายุหลายร้อยปี พร้อมเศษถ้วยชามเครื่องปั้นดินเผาแตกหัก บริเวณริมอ่างเก็บน้ำซับประดู่ อ.สีคิ้ว โคราช เร่งประสาน จนท.ศิลปากร มาตรวจพิสูจน์
วันนี้ (3 ธ.ค.67) ร.ต.อ ชัยวุฒิ สรวงโท ร้อยเวร สภ.สีคิ้ว ได้รับแจ้งจาก นายอรรถพล พลจันทึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ว่า มีชาวบ้าน ม.5 ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว พบโครงกระดูกมนุษย์และเศษถ้วยชามแตกหักจำนวนหนึ่ง ที่บริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้ำซับประดู่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จึงประสานผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 และ นายก อบต.มิตรภาพ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยพบหัวกะโหลกมนุษย์ 2 จุด และเศษโครงกระดูก กับเศษถ้วยชามเครื่องปั้นดินเผาที่แตกหักฝังอยู่ในชั้นดินบริเวณดังกล่าว
นายสมควร พันแก้วคำ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 / 7 ม.5 ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ชาวบ้านที่พบโครงกระดูกเป็นคนแรก เปิดเผยว่า ปกติตนจะนำวัวมาหาเล็มหญ้าบริเวณนี้เป็นประจำ เคยเห็นเศษถ้วยชามแตกหักแต่ไม่ได้สังเกตอะไร จนเมื่อวานนี้ ตนพาวัวมากินหญ้าบริเวณนี้อีก และมาเห็นเศษชิ้นส่วนของกระดูก กราม และฟัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นซากกระดูกของสัตว์ แต่เมื่อดูใกล้ๆ ลักษณะคล้ายกรามกับฟันของมนุษย์มากกว่า และฟันยังอยู่สมบูรณ์ด้วย จึงเดินดูโดยรอบก็พบหัวกะโหลกมนุษย์อีก จึงรีบโทร.แจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 จนมีแจ้งรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านและตำรวจทราบในเวลาต่อมา ซึ่งตนอยู่มาจนอายุ 60 ปีแล้ว ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
ด้าน นายอรรถพล พลจันทึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา บอกว่า เมื่อก่อนยังเป็นพื้นที่ไร่นาของชาวบ้าน ต่อมา ทางชลประทานได้มีโครงการขุดลอกบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำซับประดู่ และล่าสุดชาวบ้านที่เลี้ยงวัวได้ผ่านมาเจอเศษกระดูกฝังอยู่ในชั้นดินที่ถูกน้ำกัดเซาะ ลักษณะเป็นหัวกะโหลกและชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์ รวมทั้ง พบเศษถ้วยชามเครื่องปั้นดินเผาที่แตกหักกระจายอยู่บริเวณใกล้ๆ ด้วย
หลังรับแจ้งตนจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชา นายอำเภอ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ เพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งคาดว่า โครงกระดูกและเศษถ้วยชามเหล่านี้ น่าจะมีอายุหลายร้อยปี แต่ตนไม่เคยทราบและไม่เคยเห็นโครงกระดูกที่อยู่ในชั้นใต้ดินตื้นๆ เพียง 80 – 100 เซนติเมตรแบบนี้มาก่อน ซึ่งจุดที่พบโครงกระดูก เป็นจุดสุดท้ายของโครงการขุดลอกรอบอ่างเก็บน้ำซับประดู่ จึงคาดว่า การขุดลอกดินดังกล่าว น่าจะพลิกเอาชั้นดินด้านใต้ขึ้นมา แล้วไปโปะกองไว้ด้านบนขอบอ่างฯ เพื่อจะแต่งคันขอบอ่างฯ ให้เรียบร้อย และต่อมาหลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ มีฝนตกลงมาชะหน้าดิน กัดเซาะคันขอบอ่างฯ เป็นร่องลึก จึงทำให้เห็นโครงกระดูกมนุษย์และเศษถ้วยชามดินเผาแตกที่ถูกฝังอยู่ในชั้นดินเหล่านี้
จึงคิดว่า บริเวณนี้อาจจะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนโบราณมาก่อน ซึ่งเบื้องต้นพบโครงกระดูกมนุษย์บริเวณนี้อยู่ 2 จุดที่เด่นชัด โดยจุดแรกเป็นหัวกะโหลกขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มากนัก น่าจะเป็นกะโหลกผู้หญิงหรือเด็ก ส่วนอีกจุดพบหัวกะโหลกที่ใหญ่กว่า น่าจะเป็นของผู้ชาย และยังพบกระดูกที่ฝังอยู่ใต้ชั้นดินตื้นๆ โผล่ให้เห็นบางส่วน ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการใดๆต่อได้ ทำได้แค่จุดธูปบอกกล่าวขอขมา และกันพื้นที่เอาไว้ไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำไปมากกว่านี้ เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร มาตรวจพิสูจน์ก่อน คาดว่า น่าจะตรวจพบโครงกระดูกมนุษย์อีกหลายจุดในบริเวณนี้
