นครพนม-แม่ใจสลาย! หลังรู้ข่าวลูกชายถูกคานถล่มดับ เหตุคานเหล็กทางยกระดับพระราม 2 ถล่ม เผยแม่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ระบุลูกชายเป็นคนโต เสาหลักของครอบครัว ก่อนเกิดเหตุโทรมาบ่นอยากลาออก เหตุต้องเสี่ยงทำงานบนที่สูง ขณะที่ลูกสาววัย 3 ขวบ ยังไม่รู้พ่อเสียชีวิต
จากเหตุการณ์คานโครงเหล็กทางยกระดับพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ ใกล้ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ถล่มทับคนงานเสียชีวิต 5 คน ในจำนวนนี้มีแรงงานไทย 1 คนเสียชีวิต ที่เหลืออีก 4 คนเป็นชาวเมียนมา และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย เหตุเกิดช่วงรุ่งสางวันที่ 29 พ.ย.67 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ที่บ้านวังตามัว หมู่ 9 ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายอภิวัฒน์ หรือ โจ้ พะพันทาง อายุ 30 ปี หนึ่งในคนงานที่เสียชีวิต พบกับนายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี และนางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อและแม่นายอภิวัฒน์ กำลังเตรียมจัดบ้านกางเต็นท์เพื่อรอรับร่างไร้วิญญาณลูกชาย ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ท่ามกลางญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาร่วมงานด้วยความเศร้าสลด
นางกันนิกา ทุมทอง แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่ามีลูกชาย 3 คนคือนายอภิวัฒน์ เป็นลูกชายคนโตและเป็นเสาหลักครอบครัว ก่อนเกิดเหตุช่วง 2 ทุ่มวันที่ 28 พ.ย.67 ลูกชายโทรไลน์วีดีโอคอลมาหาตน พูดคุยกับลูกสาววัย 3 ขวบทุกวัน และขอเงินตน 100 บาทไปซื้อกับข้าวจึงโอนให้ มารู้ข่าวช่วงตี 4 เพื่อนคนงานที่ทำงานด้วยกันโทรศัพท์มาบอก พอรู้ข่าวตกใจแทบช็อกทำอะไรไม่ถูก
ลูกชายไปทำงานกับนายจ้างบริษัทนี้ได้ 3 ปี มีเมีย 1 คนและลูกชาย 3 คนก่อนเลิกกับภรรยา โดยมียายเลี้ยงดูที่ บ.นายอ อ.เรณูนคร และมาเอาเมียใหม่ก่อนเลิกราไปราว 3 เดือนทิ้งลูกสาววัย 3 ขวบให้ตนเลี้ยงดู ลูกชายเคยบ่นจะเลิกทำงานเสี่ยงกับที่สูง ในห้วงมีปัญหาเลิกกับภรรยาคนล่าสุด ลูกโทรมาบอกว่าเดือนที่แล้วมีคนงานตกจากที่สูงเสียชีวิต 1 คน แต่นายจ้างเลื่อนตำแหน่งให้และเพิ่มค่าแรงให้เป็นวันละ 520 บาท โดยให้เป็นหัวหน้าคนงานรองจากโฟร์แมน
“วิตกกังวล เพราะลูกชายทำงานในที่สูง มีแต่โทรศัพท์มาบอกว่าคนนั้นคนนี้ตกจากที่สูงเสียชีวิต ตั้งแต่ลูกชายไปทำงานอยู่มีข่าวคานถล่ม 2-3 ครั้ง เคยเตือนลูกชายให้ระวัง แต่เลือกงานไม่ได้ เพราะมีฐานะยากจน หาอยู่หากิน เพราะลูกชายเป็นเสาหลักครอบครัวมีลูก 4 คน ส่งเงินมาให้ตนและพ่อใช้บ้างเป็นบางเดือน หลังรู้ข่าวตนร้องไห้แทบไม่มีน้ำตา จนหลานมาสวมกอดและพูดว่า แม่ร้องไห้ทำไมใครทำอะไรแม่ โดยที่ยังไม่รู้ว่าผู้เป็นพ่อเสียชีวิตแล้ว” นางกันนิกา กล่าวและว่า
ลูกชายได้รับเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท รวมโอทีแล้วได้ประมาสองหมื่นกว่าบาท มีประกันสังคมกับนายจ้าง ช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ประกันสังคม จ.นครพนม เดินทางมาแจ้งสิทธิ์ให้ทราบว่าจะได้ค่าทำศพกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 50,000 บาท และค่าอื่นๆอีก 20,000 บาท และยังมีค่าทำประกันชีวิตอีก 2,000,000 บาท ทางบริษัทที่ว่าจ้างยังประสานมาว่าจะรับผิดชอบให้ทุกอย่าง
ด้านนายสำเริง พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่าลูกชายเคยบ่นเรื่องทำงานที่สูงและเคยกลับบ้านมาพัก 10 วัน ช่วงก่อนออกพรรษา ลูกทำงานเสี่ยงตายก็นึกว่าต้องมีสักวัน แต่ทำอย่างไรได้ ชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อปากเพื่อท้อง ถ้าลูกชายคนโตไม่ทำงานก็ไม่มีกิน และไม่มีเงินส่งค่างวดรถกระบะ ที่ลูกชายเพิ่งออกมาได้ 1 ปี ส่งให้พ่อแม่ใช้บ้างเป็นบางเดือน
ส่วนร่างของนายอภิวัฒน์ หลังแพทย์ชันสูตรเสร็จนั้น ได้ขนย้ายเดินทางออกจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร ช่วงเที่ยง คาดว่าจะมาถึงบ้านพัก เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลในช่วงกลางดึกคืนวันนี้ และจะมีพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 2 ธ.ค. 2567 ที่เมรุวัดบ้านวังตามัว