เชียงใหม่-ม็อบสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า กว่า2,000คน บุกศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่รับประชุม ครม.สัญจร ยื่น 4 ข้อเรียกร้อง "นายกฯอุ๊งอิ๊ง"แก้ปัญหาสิทธิที่ดินทำกินชุมชนเขตป่า เบื้องต้นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าเจรจากับตัวแทนกลุ่มชุมนุม และรับในหลักการไปหารือกับที่ประชุม ครม. ส่วนม็อบยังปักหลักรอจนกว่าจะได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ผู้แทนรัฐบาลจะต้องนำข้อเสนอและผลการประชุมในครั้งนี้ เสนอต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 จ.เชียงใหม่ ที่จัดขึ้นขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 และให้คณะรัฐมนตรีทราบและเห็นชอบข้อเสนอดังกล่าว เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์มากกว่า 4,000 ชุมชน 462,444 ครัวเรือน 1,849,792 คน ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป หลังจากที่ชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยเรียกร้องเรื่องที่ดินดังกล่าว จนเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และทางสมัชชาฯ ได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจากันบนศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ได้ลงมาแจ้งผลของการหารือกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เผยว่าหลังจากเจรจาและรับข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อของทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็รับในหลักการทั้ง 4 ข้อ เพื่อเตรียมนำไปเสนอในที่ประชุม เพื่อพิจารณา ซึ่เรื่องของที่ดินทำกินนั้นทางรัฐบาลถือเป็นนโยบายที่จะให้พี่น้องประชาชนมีสิทธิ์ในที่ดินทำกินเพื่อปากท้องของประชาชน ก็พร้อมกับหารือแนวทางในการแก้ไขซึ่งในการเจรจากันนั้นก็ได้ให้ทำบันทึกการประชุมไว้ครบถ้วน และในช่วงบ่ายหากมีการประชุมแล้วเสร็จก็จะให้ตัวแทนของทางคณะได้มาแจ้งผลการประชุมกับพี่น้องที่มาชุมนุมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทางกลุ่มผู้ชุมชนก็พอใจที่มีการรับในหลักการเพื่อนำเข้าไปพิจารณาในการประชุม ครม. แต่ก็จะขอปักหลักรอผลการประชุมที่หน้าศากลางกลางต่อไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่เป็นที่น่าพอใจจึงจะยอมสลายตัวกัน
นางสาววิไลลักษณ์ เยอเบาะ กองเลขาสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าเผิดผยว่า ที่ประชาชนมาวันนี้เนื่องจาก พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากร ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่ประกาศใช้ไปล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พย.67 ที่ผ่านมานั้น นั้นส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ ในข้อที่ว่าการประกาศให้ประชาชนอยู่กับป่าเป็นการชั่วคราว กลายเป็นว่าประชาชนที่อยู่กับป่ามาตลอดชีวิตกลายเป็นการได้อยู่กับป่าเป็นการชั่วคราวทำให้รู้สึกกังวลใจไม่มีความมั่นคงในชีวิต สองเรื่องของการจำกัดจำนวนการถือครองที่ดิน ซึ่งระบุเรื่องจำนวนของที่ดินต่อครอบครัว ซึ่งหากเป็นครอบครัวใหญ่ก็จะไม่พอทำกิน วันนี้จึงได้มาเรียกร้องขอให้ยกเลิก สำหรับบรรยากาศวันนี้ก็เป็นไปด้วยดีเบื้องต้นมีการรับในหลักการ แต่เราก็จะปักหลักรอคำตอบต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าตามที่วันนี้(29พ.ย
.67)มีการจัดประชุม ครม.สัญจรขึ้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่าเมื่อเวลา 08.00 น.ทางกลุ่มพี่น้องประชาชนชาวพื้นที่สูงร่วม 2,000 คน ในนามสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า ได้เดินทางมารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับรถเครื่องเสียง ป้ายข้อเรียกร้องเรื่องสิทธิในที่ดิน และผืนป่า เพื่อมาเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี เดินทางมารับข้อเรียกร้องของประชาชนชน และประชุมหาข้อยุติในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ 1. ยุติการนำ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากร ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย
2. รัฐบาลจะต้องจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็น ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เป็นรายอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุกๆ พื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ภายในระยะเวลา 60 วัน
3. รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะต้องเร่งเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ให้นำเสนอร่างสู่การพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี ภายใน 90 วัน ก่อนเสนอเข้าสภา
4. ในระหว่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับ จะต้องชะลอยับยั้งการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต จำนวน 23 แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแล้วเสร็จ เว้นแต่ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการฯ นั้นดำเนินการกันขอบเขตชุมชนพื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนแล้วเสร็จ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย