สมุทรสงคราม - “ส้มแก้ว” ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้จักเพราะมีที่ จ.สมุทรสงครามเพียงแห่งเดียว ช่วงนี้กำลังให้ผลผลิต เกษตรกรเริ่มเก็บนำออกขายสร้างรายได้รับปีใหม่กันอย่างคึกคัก
จ.สมุทรสงคราม นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ และลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ที่ให้รสชาติดีเยี่ยมแล้ว ยังเป็นแหล่งกำเนิดของผลไม้อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งให้ผลผลิตเพียงแค่ปีละครั้ง และมีพื้นที่เพาะปลูกเพียงแค่ไม่เกิน 100 ไร่ นั่นคือ “ส้มแก้ว”
นางพวงทอง พวงสวัสดิ์ เจ้าของสวนส้มแก้ว ใน ต.บางสะแก อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามบอกว่า ตนปลูกส้มแก้ว 20 กว่าต้นมากว่า 30 ปีแล้ว ให้ผลผลิตทุกปี และถือเป็นทรัพย์ในดินของ จ.สมุทรสงครามอย่างแท้จริง เนื่องจากสภาพดินเป็นดินเหนียวปนร่วนที่เกิดจากกระแสน้ำที่พัดพาตะกอนของน้ำเหนือมาทับถม และน้ำที่จืดทำให้มีธาตุอินทรีย์วัตถุอุดมสมบูรณ์ และ ต.บางสะแก ถือเป็นแหล่งปลูกส้มแก้วที่ให้ผลผลิตและรสชาติที่ดีมาก
การปลูกส้มแก้วให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น นางพวงทอง บอกว่า ให้นำกิ่งพันธุ์ที่ได้จากการชำกิ่งมาลงหลุมดินแล้วหมั่นดูแลรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยชีวภาพที่ทำขึ้นเอง เมื่อลำต้นโต อายุ 4 ถึง 5 ปีจะเริ่มแทงช่อดอก ต้นที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไปจะให้ผลผลิตประมาณ 100-300 ลูกต่อฤดูกาล แต่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของลำต้นด้วย และเมื่อผลผลิตได้ขนาดประมาณส้มเขียวหวานให้นำใบตองแห้งมาห่อผลไว้ ป้องกันหนอน แมลง และผีเสื้อกลางคืน ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่มักจะมาเจาะผิวส้มเพื่อวางไข่ขยายพันธุ์ ส่งผลทำให้ผิวส้มไม่สวย ขายไม่ได้ราคา นอกจากนี้ การห่อผลส้มแก้วด้วยใบตองแห้งยังถือเป็นเคล็ดลับสำคัญเพราะจะทำให้ผิวส้มแก้วออกสีเหลืองทองสวยงาม และยังให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานเรียกว่าทั้งสีสัน และขนาดดูน่ารับประทานอีกด้วย
ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้น เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ราคาขายจากสวน ขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาท และด้วยลักษณะเด่นของส้มแก้วที่มีผลใหญ่ เมื่อแก่ได้ที่ผิวจะออกสีเหลืองทองทั้งผล ปอกเปลือกออกเนื้อส้มกลีบใหญ่ เนื้อเยอะ น้ำเยอะ รสเปรี้ยวอมหวาน ทำให้ผู้บริโภคบางรายนำมาคั้นใส่เกลือเล็กน้อยจะได้คุณภาพของวิตามินซีคับแก้วมาดื่มเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ ส้มแก้วยังมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย อีกทั้งตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนยังเชื่อว่าเป็นผลไม้มงคลจึงนิยมนำมาขึ้นหิ้งเซ่นไหว้บรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีน และปีใหม่ เป็นต้น
นายประสิทธิ์ สิงห์ชา เกษตร จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า แม้ว่าส้มแก้วจะให้ราคาดี แต่น่าเป็นห่วง เพราะเกษตรกรไม่ค่อยให้ความสนใจปลูกกันมากนัก สังเกตได้จากพื้นที่ปลูกส้มแก้วไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากส้มแก้วให้ผลผลิตเพียงแค่ปีละครั้งและยังต้องดูแลเอาใจใส่ทั้งเรื่องปุ๋ย โรค และแมลงมากกว่าส้มโอที่ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี อีกทั้งส้มแก้วยังมีต้นทุนสูงในการจ้างแรงงานห่อและเก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้เกษตรกรบางรายปลูกกันเพียงแค่ตามร่องสวน ปัจจุบันสมุทรสงครามทั้งจังหวัดน่าจะมีพื้นที่ปลูกส้มแก้วไม่เกิน 100 ไร่ มากที่สุดคือที่ ต.บางสะแก
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเกษตร จ.สมุทรสงคราม จะส่งเสริมสนับสนุนชาวสวนให้หันมาปลูกส้มแก้วให้มากยิ่งขึ้นเป็นพืชทางเลือกใหม่เพื่อเสริมรายได้ โดยปลูกแซมในสวนส้มโอและสวนลิ้นจี่ เพราะแม้จะให้ผลผลิตปีละครั้ง แต่ด้วยรสชาติเป็นที่ถูกใจผู้บริโภคจึงทำให้ราคาจากสวนไม่เคยต่ำกว่ากิโลกรัม 50 บาท อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งผลไม้รสดีของเมืองแม่กลองที่ผู้บริโภครอคอย