xs
xsm
sm
md
lg

การข่าวชี้ปั่นกระแส! กระพือข่าว “ว้า” รุกตั้งฐานล้ำเขตแดนไทย พื้นที่เป้าหมายพม่าเคยรุกถล่มดอยไตแลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม่ฮ่องสอน/พิษณุโลก - กองทัพภาคที่ 3 แจงสถานการณ์ชายแดนแม่ฮ่องสอน ยังปกติ..หลังบางสื่อกระพือข่าว “ว้า-UWSA” รุกตั้งฐานที่มั่นล้ำเขตไทย ยันยังไม่มีการสำรวจและปักปันเขตแดน เผยพื้นที่เกิดเหตุพม่าเคยพยายามรุกถล่มดอยไตแลง-กลุ่มเจ้ายอดศึก แต่ไม่สำเร็จ


กรณีมีการนำเสนอข่าวสถานการณ์ชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในภาวะตึงเครียด โดยระบุว่า..ทางการไทยหรือทหารไทยในฐานที่มั่นพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.ปางมะผ้า-อ.ปาย แจ้งเตือนให้กองกำลังของสหรัฐว้า (UWSA) ถอนกำลังออกจากพื้นที่ของไทย แต่ไม่ได้รับการตอบสนองและมีแนวโน้มว่าจะเกิดการปะทะกันนั้น

แหล่งข่าวระดับสูงฝ่ายทหารของไทย ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนี้ไม่พบความเคลื่อนไหวของชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนไทยตามข่าว ทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างปกติ เชื่อว่าเสนอข่าวเพื่อปลุกกระแส เพราะเป็นช่วงที่ใกล้กับการเตรียมจัดงานครบรอบวันปีใหม่ของกองกำลังไทใหญ่ในรัฐฉาน หรือฐานที่มั่นดอยไตแลง (RCSS/SSA) ที่มีพลเอก เจ้ายอดศึกเป็นผู้นำ ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอปางมะผ้า ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 หรือตรงกับวันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ 

ซึ่งทหารกองกำลังสิงหนาทแม่ฮ่องสอน และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้จับตาดูความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อยู่อย่างใกล้ชิด ขณะที่กองทัพบกและรัฐบาลไทยก็ได้ประสานไปยังทางการเมียนมา หารือถึงกรณีที่เกิดขึ้นต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เดิมนั้นราวปี 2545 กองกำลังของทางการเมียนมาเคยสนธิกำลังเข้าปราบปรามชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ อย่างหนัก โดยเฉพาะที่ฐานที่มั่นดอยไตแลงของเจ้ายอดศึก โดยใช้ทั้งกำลังทหารและอาวุธหนักโจมตีกองกำลังไทใหญ่ที่มีสมรภูมิที่อยู่สูงกว่า แต่การโอบล้อมโจมตีครั้งนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะเส้นทางที่จะเข้าตีไทใหญ่จะต้องอ้อมเส้นทางเข้ามาในเขตไทย ทำให้การขึ้นตีฐานที่ดอยไตแลงล้มเหลวและเกิดความสูญเสียอย่างมาก

กระทั่งล่าสุดมีการนำเสนอข่าวว่าทางการไทยให้กองกำลังว้าถอนกำลังออกจากพื้นที่ทับซ้อนที่เคยเป็นที่ตั้งของขุนส่าเดิมออกไป แต่ทางกำลังของว้าไม่ปฏิบัติตามและมีท่าทีตึงเครียดและอาจนำไปสู่การปะทะกับทหารไทย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะศักยภาพหรือแสนยานุภาพของชนกลุ่มน้อยแตกต่างกับกำลังของทหารไทยอย่างมาก


ล่าสุดวันนี้ (26 พ.ย.) พ.อ.รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 ชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่ากองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ปฏิบัติการตามพันธกิจของกองทัพบก ใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ในทุกระดับ คือ คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC)

ได้แก่ คณะกรรมการฯ TBC แม่ฮ่องสอน-ลอยก่อ และ 
คณะกรรมการฯ TBC แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) กองทัพภาคที่ 3-สำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 กองทัพเมียนมา คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) กองบัญชาการกองทัพไทย-กองทัพเมียนมา

การแก้ปัญหาจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยการพูดคุยกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันให้ปัญหายุติโดยเร็ว

กรณีเส้นเขตแดนระหว่างไทย-เมียนมา ตั้งแต่จังหวัดเชียงราย ถึงจังหวัดระนอง รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลยังไม่สามารถปักปันเขตแดนร่วมกันได้ครบทุกพื้นที่ บริเวณที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนดังกล่าวยังไม่มีการสำรวจ และปักปันเขตแดน ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกระดับแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ

แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอนอยู่ในภาวะปกติ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ในระดับที่ดีต่อกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น