อุทยานทองผาภูมิคุมเข้มชายแดน หลังแก๊งประเทศเพื่อนบ้านลักลอบขุดดินร่อนแร่ทอง

กาญจนบุรี - อุทยานทองผาภูมิคุมเข้มช่องทางข้ามชายแดน หลังแก๊งประเทศเพื่อนบ้านลักลอบขุดดินร่อนแร่ทอง ทำเสียหายกว่า 14 ไร่ พบภาพมือถือ 1 ใน 3 ผู้ต้องหาเป็นชายแต่งกายคล้ายทหารถืออาวุธปืนคุ้มกัน

วันนี้ (26 พ.ย.) นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมได้สนธิกำลังเปิดยุทธการปราบปรามกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบขุดดินเพื่อหาแร่ทองคำ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567

รวมทั้งได้ร่วมกันออกปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามคำสั่งอำเภอทองผาภูมิ ที่ 329/2567 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องออกลาดตระเวน หาข่าว ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น

ผลการปฏิบัติเจ้าหน้าที่พบพื้นที่บุกรุกใหม่ จำนวน 1 แปลง ลักษณะมีการขุดดินเป็นหลุมลึกขนาด 1x1 เมตร ลึก 5-10 เมตร มีการตัดไม้ไผ่มาทำที่กั้นดินเพื่อคัดกรองดินและหิน และทำที่พักชั่วคราว ซึ่งมีร่องรอยกลุ่มคนจำนวนมากเข้าไปแอบขุดดินใจกลางป่า ห่างหมู่บ้านปิล๊อกคี่ 17 กิโลเมตร ห่างจากชายแดนไทย-พม่า 7 กิโลเมตร ตรวจยึดพื้นที่ได้ 14-0-1 ไร่ และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดในพื้นที่เกิดเหตุได้จำนวน 2 คน และขยายผลจับกุมในเส้นทางได้อีก 1 คน

ประกอบด้วย 1.นายอาฉ่อง อายี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน อายุ 32 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 166/ช หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจพบอุปกรณ์ของกลางที่มีไว้หรือได้ใช้ในการกระทำผิด จำนวน 5 รายการ

2.นายอนุสรณ์ สุธาพจน์ อายุ 35 ปี ชาว หมูที่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตรวจพบอุปกรณ์ของกลางที่มีไว้หรือได้ใช้ในการกระทำผิดจำนวน 18 รายการ

และ 3.นายโซชิ ไม่มีนามสกุล บุคคลสัญชาติกะเหรี่ยง ไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย จับกุมได้ขณะตั้งด่านตรวจพบพฤติกรรมน่าสงสัยตรวจค้นพบเศษแร่ทองในย่ามสะพาย ขยายผลจนผู้กระทำผิดสารภาพว่าได้มาลักลอบขุดดินหาแร่ทองในพื้นที่ตรวจยึด ซึ่งยืนยันด้วยภาพถ่าย ตรวจยึดของกลาง จำนวน 5 รายการ และที่สำคัญจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายโซชิ พบภาพกลุ่มที่เข้ามาลักลอบขุดดินแร่ทองทั้งชายหญิงนั่งอยู่ภายในเต็นท์ที่เป็นเพิงพัก ร่วม 20 ราย 1 ในนั้นมีชาย 1 รายแต่งกายคล้ายทหารถืออาวุธปืนยาวติดลำกล้องยืนคุ้มกันอยู่ด้วย จากการสอบถามนายโซชิ ทราบว่าทั้งหมดได้กลับประเทศพม่าไปแล้ว

นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบริเวณลักลอบขุดดินหาแร่ทองอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์และเครื่องมือในการกระทำความผิดได้อีกจำนวน 12 รายการ ซึ่งหลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้ พนักงานจึงได้จัดทำบันทึกเรื่องราวเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงนำของกลางพร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก อทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายใน 6 ข้อกล่าวหา

ประกอบด้วย 1.ฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง

2.ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 55

3.ฐาน “ร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (3)

4.ฐาน “ร่วมกันยึดถือหรือครอบครองที่ดิน รวมตลอดก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19(1) ประกอบมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562

5.ฐาน “ร่วมกันเก็บหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่ง ดิน หิน กรวด ทราย แร่ หรือทรัพยากรอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ความในมาตรา 19 (2) และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562

และ 6.ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 19 (6) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562

ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้ส่งกำลังออกดักซุ่มกลุ่มบุคคลที่คาดว่ายังคงหลบหนีพักค้างในพื้นที่ป่าแนวเขตรอยต่อตะเข็บชายแดนซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านฝั่งพม่า และปิดเส้นทางเข้าออกไปยังจุดเกิดเหตุ โดยประสานงานใกล้ชิดกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และหน่วยงานปกครองในพื้นที่เพื่อป้องกันการเข้ามาลักลอบขุดดินบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมแล้ว