พิษณุโลก - เริ่มแล้ว..พิธีขอบารมี “หลวงพ่อชินราช” โยงสายสิญจน์ 4.5 กิโลเมตรจากวิหารวัดใหญ่เข้าวัดตาปะขาวหาย พุทธาภิเษกพระเครื่องชุด "พุทธเทวบารมี สำเร็จสมปรารถนา" ระดมปัจจัยสร้างศาลาธรรมสังเวช คาดคนแห่รับสาย "ลูกสะกด กลองอินทรเภรี" คล้องข้อมือฟรีบ่ายนี้เนืองแน่น
วันนี้ (26 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นวันธงชัยตามโหราศาสตร์ไทย กำหนดทำพิธีพุทธาภิเษก สมโภชปูชนียมงคลวัตถุ วัดตาปะขาวหาย รุ่นพุทธเทวบารมี สำเร็จสมปรารถนา พระเทพรัตนมุนี เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก อนุญาตให้ พระมหาพิชัย ธมฺมวํโส เจ้าอาวาสวัดตาปะขาวหาย ทำพิธีโยงด้ายสายสิญจน์จากพระหัตถ์องค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) สู่โบสถ์วัดตาปะขาวหาย ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีฯ เป็นระยะทางยาว 4.5 กิโลเมตร
ซึ่งพระครูปลัดเถรานุวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ อธิษฐานโยงด้ายสายสิญจน์จากพระหัตถ์และมอบม้วนด้ายสายสิญจน์แก่เจ้าหน้าที่งานไฟฟ้า กองช่าง เทศบาลตำบลหัวรอ ลากโยงไปตามถนนพุทธบูชา ริมแม่น้ำน่านถึงกำแพงเมืองโบราณ วัดโพธิญาณ ต่อมายังถนนข้างรั้ว หน่วยทหารพัฒนา (นพค. 34) สู่อุโบสถวัดตาปะขาวหาย
เพื่อให้องค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชแผ่พุทธานุภาพ สู่พิธีพุทธาภิเษกในวันธงชัย มีพระเกจิอาจารย์จาก 4 ภาคทั่วประเทศ พระสงฆ์สมณศักดิ์ 80 รูปนั่งปรกบริกรรมปลุกเสกและเจริญพระพุทธมนต์ธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร สวดพระคาถามหาสมัยสูตร สวดพระคาถาพุทธาภิเษก สวดพระคาถาภาณวาร ตลอดพิธีเช้า-บ่าย ตั้งแต่เวลา 06.29-17.39 น.
นายขวัญทอง สอนศิริ (อ.โจ้) กล่าวว่า เวลา 6.19 น.ได้มีการเชิญไฟพระราชทาน-ผ้าไตรพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สู่มณฑลพิธี อุโบสถวัดตาปะขาวหาย ในการพิธีพุทธาภิเษก-สมโภชปูชนียมงคลวัตถุ รุ่นพุทธเทวบารมี สำเร็จสมปรารถนา เพื่อนำปัจจัยที่ประชาชนร่วมบริจาคสั่งจองปูชนียมงคลวัตถุ สร้างศาลาธรรมสังเวช ขนาดกว้าง 23 เมตร ยาว 60 เมตร ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดมารดา (น้ำเชื่อม สอนศิริ) สิริอายุ 97 ปี
ขณะที่ค่ำคืนที่ผ่านมา หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระอารามหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม นั่งปรกบริกรรมปลุกเสกเดียว ส่วนวันนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 41 ประธานพิธีฯ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยในอุโบสถ, นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ฯลฯ ถวายผ้าไตรพระราชทาน
จากนั้นเวลา 13.39 น. พระเทพรัตนมุนี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร องค์ประธานจุดเทียนชัย ไฟพระราชทาน อาราธนา-สวดพระคาถาพุทธาภิเษก และ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกจุดเทียนพุทธาภิเษก โดยมีพระเกจิอาจารย์นั่งปรก 4 ชุดปลุกเสก
เริ่มจากชุดที่ 1 (สวดมหาสมัยสูตร) อาทิ หลวงพ่อขวัญ วัดทับยายเชียง พรหมพิราม ชุดที่ ( 2 ) เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร อาทิ หลวงพ่อสะอาด อาวุธฺฑสีโล วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พระราชมงคลวชิรสาร (ชอุ้ม กตสาโร) วัดตะเคียนเลื่อน ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์
พระเกจิชุดที่ 3 อาทิ หลวงพ่ออ่าง สิริจนฺโท วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ต.หอมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระครูรัตนสิกขการ (พ่อท่านประสูติ ปิยธมฺโม) วัดในเตา (ถ้ำพุทธโกสีย์) อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ชุดที่ 4 สวดคาถาภาณวาร จตุภาณวาร อาทิ หลวงพ่อสมบูรณ์ รตนญาโณ วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ พระอาจารย์แก้ว ขนฺติพโล วัดตะโก อ.ภาชี จ. พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
ระหว่างพิธี 14.00 น.กำหนดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนรับ “ลูกสะกด กลองอินทรเภรี” (เนื้อทองแดงชุบนาก) สายมงคล ไหมเบญจรงค์ร้อยคล้องข้อมือได้ ผู้ร่วมพิธีพุทธาภิเษกบ่าย 750 คน และผู้ร่วมปฏิบัติธรรม (สวมพันศีรษะ) 250 คน โดยจะแจกหลังดับเทียนชัยหรือสมโภชแล้วเสร็จ เหมือนทำพิธีครั้งก่อนที่แจก "ตรีศูล"
ทั้งนี้ ตามตำนานสร้างพระพุทธชินราช “พระอินทร์นฤมิตตน” เป็น “ตาปะขาว” มาช่วยปั้น ทำ “ตรีศูล” ไว้ที่หน้าผาก (พระนาลาฏ) พุทธพักตร์พระพุทธชินราช ให้เป็นสำคัญ ให้รู้ว่าพระอินทร์เจ้าสุราลัยลงมาช่วยสร้าง และเททองหล่อพระพุทธชินราช จนแล้วเสร็จสมปรารถนา แล้วตาปะขาวก็เดินออกจากเมืองพิษณุโลก มาทางเหนืออันตรธานหายตัวไป บริเวณวัดและบ้านตาปะขาวหายแห่งนี้ เวลา 667 ปีล่วงมาแล้ว
