เชียงราย - “ทนายโอ๋” เพื่อนรุ่นพี่เปิดอกถึง “ทนายตั้ม”..บอกเป็นเหมือนน้อง-แค่รับส่งพาไปทำบุญเสริมดวง เคยจุดเทียนเศรษฐีกับพระฉาวก่อนได้ “มาดามอ้อย” เป็นลูกความ-ได้เงิน 71 ล้านทำหวยออนไลน์ พบ “ษิทรา” ถูกหลวงพ่อดังเชียงรายทักดวงตก-แก้ไขไม่ได้ แค่ไม่ถึง 5 วันก่อนโดนจับ
กรณีเรื่องราวข่าวครึกโครมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีดังถูกเปิดโปงว่าเกี่ยวข้องกับ "ทนายโอ๋" หรือนายปุญญพัฒน์ อายุ 50 ปี ซึ่งถูกสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือมาดามอ้อย ด้วยหรือไม่นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ชื่อของ “ทนายโอ๋” ปรากฏในแวดวงสังคม จ.เชียงราย อย่างน้อยตั้งแต่ปลายปี 2559 ซึ่งมีชื่อและภาพของทนายโอ๋พร้อมครอบครัวไปร่วมทำบุญวันเกิดด้วยการบริจาคอาหารกลางวันให้แก่ผู้ป่วยและญาติที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน 300 กล่อง โดยทางโรงพยาบาลเผยแพร่ทางเว็บไซต์เพื่อยกย่องด้วย
ทนายโอ๋ซึ่งปัจจุบันเปิดโรงงานผลิตครีมอยู่ที่ จ.เชียงราย เปิดเผยผ่านหลายสื่อว่าตนเป็นทนายตั้งแต่ปี 2542 และได้เจอทนายตั้มเมื่อปี 2547 โดยเขาเป็นพ่อสื่อให้เจอกับภรรยาของตนด้วย ต่อมาตนเลิกเป็นทนายความเมื่อปี 2550 จึงหมายถึงว่าได้เจอกัน 2-3 ปี กระทั่งตนไปทำธุรกิจที่เชียงราย ทำให้ไม่ได้เจอกันอีก
กระทั่งเห็นข่าวหวย 30 ล้านที่เขาเป็นทนายความให้กับหมวดจรูญตนจึงติดต่อนัดกินข้าวกับทนายตั้มที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเกิดปัญหากับคุณอัจฉริยะ แล้วเขาบอกอยากจะไปทำบุญที่ จ.เชียงราย ต่อมาปี 2562 ทนายตั้มก็พร้อมด้วยครอบครัวนับ 10 คน เดินทางด้วยรถยนต์ไปที่ จ.เชียงราย จากนั้นเขาก็ไปอีกหลายครั้ง
โดยครั้งหนึ่งมีบิ๊กโจ๊กไปทำบุญด้วยที่วัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย และครั้งหนึ่งเขาเคยบวชให้กับบิ๊กโจ๊กแต่ตอนบวชบิ๊กโจ๊กไม่ได้ไปด้วย
ทนายโอ๋กล่าวว่า ต่อมาปลายปี 2564 เขาก็บ่นว่ามีปัญหาเรื่องการงานและการเงิน ตนจึงแนะนำให้ไปทำบุญจุดเทียนกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่วัดพระสิงห์ อ.เมืองเชียงราย และเมื่อเขาไปก็ได้โทรศัพท์มาบอกกับตนว่าทำเทียนมาแล้วขลังจริง เพราะได้เจอลูกความชื่อ "พี่อ้อย" เศรษฐินีถูกหวยล็อตโต้ที่ฝรั่งเศส 5,000 ล้านบาท จึงให้เงินตนมา 2 ล้านยูโร (71 ล้านบาท) เพื่อนำมาลงทุนทำหวยออนไลน์
ซึ่งตนก็บอกว่าโชคดีแล้วจากนั้นก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกเลยและไม่ได้พาไปพบพี่อ้อยด้วย กระทั่งตนได้พบกับทนายตั้มครั้งล่าสุดคือวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมาเพราะตนไปต่อใบอนุญาตทนายความที่กรุงเทพฯ แต่พบกันเพียง 1 ชั่วโมงเศษเขาก็รีบแยกทางไปรับลูก
ทนายโอ๋กล่าวอีกว่า เมื่อตนได้ทราบข่าวคดีล่าสุดก็ตกใจมาก แต่ไม่สงสัยเรื่องเงิน 71 ล้านบาทมากนักเพราะเขาเคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว แต่เป็นเรื่องอื่นๆ เช่น เงิน 39 ล้านบาท ฯลฯ แม้แต่เรื่องเงินเดือนที่เขาได้จากพี่อ้อยเดือนละ 300,000 บาทตนก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งถ้าตามข่าวเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเลวและชั่วมาก จากนั้นตนก็ไม่โทรศัพท์ไปหาเขาอีกเลย แม้แต่ตอนที่เขาไปออกรายการโหนกระแสและรายการของอาจารย์ยิ่งศักดิ์หรือที่ตำรวจกองปราบปราม เพราะตนเคยสอนเขาให้ทำแต่เรื่องที่ดี
ต่อมาเรื่องหนักขึ้นก่อนที่เขาจะถูกออกหมายจับ 4-5 วัน ทนายตั้มได้ไลน์มาหาตนให้ไปถามหลวงพ่อพบโชค (พระไพศาลประชาทร วิ. (พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย) ว่าดวงของเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อตนไปหาหลวงพ่อก็ทราบว่า "ดวงตกดวงไม่ดี หนักเลยรอบนี้ เพราะทางพี่เขาบุญเยอะ มันติดคุกนะ" ตนจึงถามว่าจะทำอย่างไรดีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้น หลวงพ่อก็บอกว่า "แก้ไขไม่ได้"
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเขาเจอปัญหามักจะถามหลวงพ่อและสามารถแก้ไขปัญหาให้ได้เสมอ กระทั่งต่อมาทนายตั้มก็ถูกจับกุมซึ่งตนเชื่อว่าเขาน่าจะเดินทางไปทำบุญที่วัดเดิมจริง
ทนายโอ๋กล่าวด้วยว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องดีๆ ทนายตั้มจะไปที่เชียงรายเพื่อไปพบพระ แต่ถ้าเจอสิ่งไม่ดีก็จะมาหาตน ช่วงที่ไปหาหลวงพ่อก็จะไปเสริมดวงชะตาของเขา โดยมักเดินทางด้วยเครื่องบินไปนอนโรงแรมเพียง 1 คืน อีกวันก็เดินทางกลับ ตนมีหน้าที่ไปรับส่งเพราะรักเขาเหมือนน้อง ไม่เคยพูดหรือทำธุรกิจร่วมกันเพราะตนเกิดปีเสือส่วนทนายตั้มเกิดปีวอกเกรงจะคบกันไม่ได้นาน
“ผมไม่เคยยืมเงินจากทนายตั้ม ไม่เคยพูดกันเรื่องทรัพย์สินเพราะจะเสียมารยาท ผมยังเคยสอนน้องเขาว่าอย่าให้คนรู้จักยืมเงินและอย่าทำธุรกิจร่วมกับคนที่เรารู้จักหรือคนที่เรารัก ถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเราจะคบกันได้นานขึ้น ส่วนคนชื่อแจ็คเป็นลูกพี่ลูกน้องของทนายตั้มที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน และมักไปเชียงรายกับแจ็คเพื่อไปทำบุญด้วยกัน”
ทนายโอ๋กล่าวในตอนท้ายว่าตนยืนยันความบริสุทธิ์ 100% ว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับทนายตั้ม ส่วนกรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล นั้นทนายตั้มบอกว่าในอดีตเคยได้รับความเมตตาถึงขั้นให้พระมาด้วยแต่ต่อมาไม่ชอบตนเพราะคิดว่าไปเป็นลูกน้องบิ๊กโจ๊ก กระนั้นตนเห็นว่าเขาไปก้าวร้าวกับคุณสนธิมากเกินไปซึ่งตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง (ร้องไห้) ตนจึงอยากบอกว่าสิ่งที่เขาทำผิดก็ต้องถูกลงโทษและรับผิดชอบไป
แต่ในฐานะที่เป็นพี่ก็ขอบอกว่าเขาไม่ได้เป็นลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ถ้าตนรู้เรื่องของทนายตั้มจะบอกให้เขาไปขอโทษพี่อ้อยเสีย ตนเป็นคนมีเพื่อนน้อยส่วนทนายตั้มก็บอกว่าไม่มีใครจริงใจกับเขา เขาจึงไปหาตนเพื่อหาที่ปลอดภัยเมื่ออยู่กับตนเขาไม่ใช่ทนายตั้มแต่คือน้อง ดังนั้นเมื่อเป็นคนใกล้ชิดจึงย่อมถูกตรวจสอบ กระนั้นตนก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากตำรวจให้ไปให้ปากคำแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพระภิกษุที่ทนายตั้มไปประกอบพิธีจุดเทียนเป็นหนึ่งในพระภิกษุ 2-3 รูปที่เคยก่อเรื่องไปเล่นการพนันน้ำเต้าปูปลา มะโขกโหลกและบาคารา รวมทั้งมีแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คล้ายเบียร์อยู่บนโต๊ะ ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2566 มีตำแหน่งเป็นระดับเลขานุการรองเจ้าคณะภาคและเจ้าอาวาสวัดที่ อ.เมืองเชียงราย ต่อมามีผู้นำภาพเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ปีเดียวกันนั้น ทางคณะสงฆ์ได้มีการลงโทษทางวินัยต่อเจ้าคณะตำบล 1 รูป เจ้าอาวาสวัด 2 รูป และพระลูกวัดอีก 2 รูป โดยให้ทุกรูปพ้นจากตำแหน่งเดิมและให้พ้นจากสังกัดวัดเดิมด้วย
พระลูกวัดพระสิงห์รูปหนึ่งกล่าวว่า เมื่อปี 2566 ทนายตั้มมักไปทำบุญที่วัดปีละ 1-2 ครั้ง และร่วมพิธีทำบุญสืบชะตารวมทั้งมีความสนิทสนมเป็นส่วนตัวกับพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นการส่วนตัวด้วย โดยหลังจากพระภิกษุรูปดังกล่าวถูกลงโทษเรื่องที่ จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วก็ออกจากวัดไปพักใหญ่จากนั้นก็ได้กลับไปอยู่วัดเดิม