นครปฐม - จับจนระอา หลวงพี่น้ำฝนประสานกำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.นครปฐม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม บุกสะกดรอยข้ามจังหวัดตามพระขับเก๋งออกบิณฑบาตข้ามจังหวัด โดยเมื่อรวบตัวได้ถึงกับร้องอ๋อ เพราะเป็นหลวงตา WFH เจ้าเดิม
วันนี้ (13 พ.ย.) พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ประสาน พ.อ.ภูมิพศุตม์ เตี๊ยะเพชรดี รอง ผอ.รมน.จังหวัด นครปฐม (ท.) และมอบหมายให้ พ.ท.ประเสริฐพร สุขนิพิฐพร ร.อ.วัชรทัต ทองสว่าง ร่วมสนธิกำลังกับ นายพรชัย โพธิ์ทองนาค ปลัดอำเภอนครชัยศรี นายภูวิส ภิรมย์เบี้ยว ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครปฐม นายสมรักษ์ ท้วมสุข ปลัดอำเภอเมืองนครปฐม นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครปฐม คณะทำงานพระวินยาธิการวัดไผ่ล้อม ลงพื้นไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 521/22 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม หลังจากได้รับแจ้งว่ามีพระมาอาศัยอยู่ในบ้านพัก และไม่ยอมกลับไปพำนักยังวัดต้นสังกัดเป็นเวลาแรมเดือน และคาดว่าจะเป็นเป้าหมายเดิมที่หลวงพี่น้ำฝนเคยจับสึกมาแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจประสานงานร่วม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่ดังกล่าว พบว่ามีรถกระบะโตโยต้าสีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กล 6629 นครปฐม จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงได้จัดกำลังซุ่มรอเพื่อตรวจสอบ กระทั่งเวลา 06.00 น.เศษ ได้มีชายแต่งกายเป็นพระขับรถกระบะคันดังกล่าวออกมาจากบ้านและมุ่งหน้าไปจังหวัดราชบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสะกดรอยตามไปห่างๆ ซึ่งชายคนดังกล่าวได้ขับรถมาจอดในลานจอดรถที่สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง และได้แต่งกายโดยอุ้มบาตรเดินออกไปที่ตลาดซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร
จากนั้นได้เริ่มเดินบิณฑบาต ไม่นานได้ถูกเจ้าหน้าเทศกิจมาสั่งให้เดินออกไปจากที่เนื่องจากมีประชาชนได้ร้องเรียนว่ามีพระต่างถิ่นมาอาศัยเดินรับบาตรโดยไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งทีมติดตามได้เห็นใบหน้า จึงยืนยันแน่ชัดว่า คือพระเรืองชัย เตชปัญโญ อายุ 78 ปี หรือหลวงตาเวิร์กฟอร์มโฮม ที่เคยถูกหลวงพี่น้ำฝน ติดตามจับกลุ่มและทำการสึกมาแล้ว 2 ครั้ง
เมื่อพระเรืองชัย ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เทศกิจได้มีการขับไล่ และแจ้งว่าไม่สามารถจะมาเดินบิณฑบาตในบริเวณดังกล่าวได้จึงรีบเดินกลับมาที่รถ และมาพบชุดติดตามจึงเกิดความตกใจและรีบขับรถยนต์กระบะออกไปจากสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ขวางสกัดจับได้ หลังจากขับออกไปได้เพียง 1 กิโลเมตร
ขณะที่ทำการจับกุมพระเรืองชัย มีสีหน้าซีด นิ่งเงียบ และบอกเพียงว่าจะไปปฏิบัติธรรมบ้าง เพิ่งมามาหาญาติที่นี่บ้าง แต่หลวงพี่น้ำฝน ซึ่งนั่งรถที่ขับตามประกบอยู่ได้ลงมาแจ้งว่า ได้ติดตามตัวมาตั้งแต่หน้าบ้านที่จังหวัดนครปฐมแล้ว จึงยอมจำนนด้วยหลักฐาน และสารภาพว่าขับรถมาจริง แต่ครั้งนี้ได้มีการบวชพระอย่างถูกต้องมาแล้ว
ทัั้งนี้ หลวงพี่น้ำฝน แจ้งว่า การขับรถของพระเรืองชัย มีมาหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ยังก่อเหตุอีกหลังจากที่เคยรับปากว่าจะไม่ทำผิดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีการตรวจค้นในรถ ยังพบเสื้อลายพรางสีเขียว อุปกรณ์ทำงานช่าง เป็นมีดยาว และขวานจำนวนหลายชิ้น จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่าเป็นอาวุธหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นเครื่องมือทางการเกษตรและงานช่าง ยังไม่ผิดข้อกล่าวหาใดๆทางกฏหมาย
จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวกลับมาบ้านพัก และให้นำเอกสารต่างๆ ไปพบกับ พระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ทำการกล่าวโทษและสั่งการให้ลาสิกขา เนื่องจากทำผิดกฎฐานขับรถเป็นโลกะวัชชะ ซึ่งเป็นมาแล้วหลายครั้ง
เมื่อทำการสึกเสร็จสิ้น นายเรืองชัยได้แต่งกายด้วยชุดฆราวาส ก่อนจะมาลาเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ และหลวงพี่น้ำฝน โดยให้สัญญาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับกุม ว่าจะไม่กลับมาก่อปัญหาอีก
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมาอีกเช่นเดิม และเมื่อมาตรวจสอบพบว่าเป็นพระรูปเดิม ที่เคยทำการจับกุมสึกมาแล้ว 2 ครั้ง โดยยังมีการสัญญาและสาบานต่อหน้าสรีระสังขารหลวงพ่อพูล ว่าจะไม่กลับมาสร้างปัญหา แต่มีการร้องเรียนและกลับมาพบจนได้
ทั้งนี้ ได้แจ้งว่าหากพระเรืองชัย หรือนายเรืองชัยจะกลับมาบวชอีกและถ้ามีประชาชนร้องเรียนอีกจะกลับตามมาไล่สึกอีกเช่นกัน และการที่นายเรืองชัย ได้สัญญาอีกว่าจะไม่สร้างปัญหา อาตมาไม่เชื่อว่าเขาจะไม่กลับมาบวช เพราะมีการทำผิดอยู่ซ้ำซากบ่อยครั้งและไม่หลาบจำ โดยการขับรถของพระภิกษุสงฆ์ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากมีกฎระเบียบข้อห้ามในเรื่องนี้อยู่ รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ของไทยไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ และมีการแจ้งเบาะแสที่น่าสงสัยเชื่อมโยงกันอยู่ในหลายเรื่องที่เป็นการสร้างปัญหาให้ศาสนา แต่ขอตรวจสอบให้ทราบให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สำหรับการจับนายเรืองชัย เป็นการจับมาหลายครั้งแล้วซึ่งได้มีการแอบไปบวชกลับเข้ามาอยู่ในผ้าเหลืองอีก ในครั้งนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม จะได้มีการทำบันทึกและได้ส่งเอกสารไปยังเจ้าคณะปกครอง ทุกระดับชั้นและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อให้ลงทะเบียนขึ้นชื่อของนายเรืองชัย ว่าเป็นบุคคลที่ไม่สามารถบวชได้อีกต่อไป เนื่องจากมีการกระทำให้เสื่อมเสียและประพฤติตนไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง