บุรีรัมย์ - รวบแล้วมือฆ่าโหดทุบหัว ตัดคอ ควักไส้ลูกหมา 4 ตัวที่บุรีรัมย์ ที่แท้ฝีมือลูกติดภรรยาเจ้าของสุนัขเอง จำนนต่อหลักฐานทั้งรูปถ่ายในมือถือ เสียมขุดฝังซาก มีดและเสื้อเปื้อนเลือด ไม่ยอมปริปากสาเหตุฆ่าหมา คาดไม่ชอบพ่อเลี้ยงจึงสร้างเรื่องหวังโยนความผิดให้ จนท.ปศุสัตว์ และ ตร.รุดลงพื้นที่ แจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์
วันนี้ (13 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน และมีผู้หวังดีโพสต์เฟซบุ๊กว่ามีลูกสุนัขเพิ่งคลอดอายุประมาณ 1-2 สัปดาห์ ที่สองสามีภรรยาเลี้ยงเอาไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านดอนขวาง ตำบลตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมจำนวน 4 ตัว ทิ้งซากไว้บริเวณใต้ต้นน้อยหน่าข้างบ้าน โดยสภาพซากมีทั้งถูกทุบหัว ตัดคอ และควักไส้ออกมาเป็นที่น่าเวทนาสงสาร แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวพบร่องรอยการขุดหลุมฝังกลบ และขวดสุราที่แตกอยู่ใกล้จุดดังกล่าวด้วย แต่ไม่พบสามีและภรรยาเจ้าของบ้าน จากนั้นทีมข่าวได้ไปตามหาสองสามีภรรยาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พบเพียงนายเขียว ผู้เป็นสามี อาศัยอยู่บ้านป้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ฆ่าลูกสุนัขทั้ง 4 ตัว เพราะเป็นคนเอาแม่ของลูกสุนัขที่ถูกฆ่ามาเลี้ยงเอง เพราะเป็นคนรักสัตว์ แต่ไม่เจอตัวภรรยา
ล่าสุด นายพีระบุญ เจริญวัย ประธานมูลนิธิ The Hope Thailand และคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดฯ พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์ สุริยะ กาวงษ์กลาง หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.บุรีรัมย์, นายสวัสดิ์ บุตรพรม ปศุสัตว์อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, นายธนดน สุริยะวัน นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ, นายชลธี ครุฑสุวรรณ เจ้าพนักงานสัตวบาล, นายโฆสิท มะละปัทธิ เจ้าพนักงานสัตวบาล พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิชา เตียงประโคน สารวัตร (สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ, เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ และฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านดอนขวาง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกสุนัขถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณทั้ง 4 ตัว
จากการพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับนายเขียว เจ้าของสุนัข ที่ไปอาศัยอยู่บ้านป้า นานกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของนายเขียว เนื่องจากมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยา และออกมาจากบ้านก่อนที่สุนัขจะถูกฆ่าตาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังที่ลูกสุนัขถูกฆ่าตาย แต่ไม่พบภรรยานายเขียว พบเพียงนายเต่า อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นลูกติดภรรยาและเป็นลูกเลี้ยงของนายเขียว จากการสอบถามนายเต่าว่าทราบเรื่องที่ลูกสุนัขทั้ง 4 ตัวถูกฆ่าตายหรือไม่ นายเต่าก็ทำท่ามีพิรุธ ไม่ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ บางคำถามก็พยักหน้าบางครั้งก็ส่ายศีรษะเท่านั้น ลักษณะเหมือนกึ่งรับกึ่งปฏิเสธ
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นเสื้อที่สวมใส่เปื้อนเลือด จึงถามว่าเปื้อนเลือดอะไร ตอนแรกนายเต่าอ้างว่าเปื้อนเลือดตัวเอง แต่พอตรวจสอบดูตามร่างกายก็ไม่มีบาดแผล จึงเค้นถามว่าเลือดใครกันแน่ เจ้าหน้าที่จึงถามว่าใช่เลือดสุนัขหรือไม่ นายเต่าไม่ตอบแต่พยักหน้า จากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ก็พบมีดเปื้อนคราบเลือด 1 เล่ม คาดว่าเป็นมีดที่ใช้ฆ่าสุนัข ทั้งยังพบเสียมที่ยังเปื้อนดิน คาดว่าใช้ขุดฝังสุนัข
เมื่อตรวจสอบมือถือนายเต่าก็พบภาพที่ถ่ายรูปสุนัขที่ถูกฆ่าตายไว้ในมือถือด้วย ถือเป็นหลักฐานมัดตัว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายเต่าไปสอบปากคำที่โรงพัก จึงยอมรับสารภาพว่าได้ฆ่าลูกสุนัขจริง แต่พอถามสาเหตุที่ฆ่านายเต่าก็ไม่ยอมปริปาก
จากข้อมูลหลักฐานที่พบจึงเชื่อว่านายเต่าน่าจะฆ่าลูกสุนัขแล้วพยายามสร้างเรื่องว่าเป็นฝีมือพ่อเลี้ยง เพราะนายเต่าไม่พอใจที่เวลาแม่ และพ่อเลี้ยงดื่มเหล้า แล้วพ่อเลี้ยงชอบมีปากเสียงทะเลาะกับแม่ อาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ไม่พอใจจึงสร้างเรื่องเพื่อโยนความผิดให้พ่อเลี้ยง อย่างไรก็ตาม จะได้ติดตามตัวแม่มาสอบถาม ว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังไม่เจอตัวแม่
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายเต่า ฐาน “ทารุณกรรมสัตว์” มีโทษทั้งจำทั้งปรับตามกฎหมาย
ด้าน นายพีระบุญ เจริญวัย ประธานมูลนิธิ The Hope Thailand กล่าวว่า วันนี้ก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีลูกสุนัขถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ก็ทำให้ได้ข้อมูลหลักฐาน และวัตถุพยานของผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุฆ่าลูกสุนัข พร้อมทั้งได้นำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก เมื่อมีพยานหลักฐานก็ต้องดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายฐานทารุณกรรมสัตว์