กำแพงเพชร - เดือดร้อนแทบทั้งอำเภอ..สหกรณ์ฯ คลองขลุงขาดสภาพคล่อง ชาวบ้านร้องสื่อฯ ยื่นขอถอนเงินรวมกว่า 20 ล้านแต่โดนบ่ายเบี่ยง บางรายฝากเข้าบัญชีหลักล้าน ขอถอนได้หลักหมื่นหลักพัน บางรายเลื่อนนัดมา 3 รอบยังไม่ได้ จนเครียดหนักกินไม่ได้นอนไม่หลับ วอนทนายอาสาฯ-หน่วยงานรัฐช่วยด่วน
วันนี้ (12 พ.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.ท่ามะเขือ และ ม.1 ต.หัวถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร กว่า 30 คน ที่เป็นสมาชิกเงินฝากของสหกรณ์การเกษตรคลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รวมตัวเข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชน หลังจากที่แต่ละรายได้นำเงินเข้าฝากและไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ โดยได้นำสมุดบัญชีเงินฝากของแต่ละรายมารวมกันมียอดเงินที่ไม่สามารถขอถอนได้รวมกว่า 20 ล้านบาท
กลุ่มชาวบ้านระบุว่าที่ผ่านมาได้พยายามขอถอนเงินแต่ถูกบ่ายเบี่ยงและให้ลงชื่อเพื่อต่อคิวถอนเงินแต่ก็ยังไม่ได้รับเงิน บางรายขอถอนเงินหลักเเสนบาท แต่พอถึงวันรับเงินกลับได้หลักหมื่นและพันบาท บางรายนำเงินที่หามาทั้งชีวิตมาฝากไว้ตั้งแต่ ปี 2557 จนถึงปัจจุบันมียอดฝากกว่า 3.7 ล้านบาท ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถอนเงินมาใช้ได้ ซึ่งทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับป่วยเข้าโรงพยาบาลหลายรอบ บางรายเกิดอาการเครียดจนซึมเศร้าและอยากฆ่าตัวตาย จนสุดท้ายไม่มีที่พึ่งจนต้องร้องผ่านสื่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ
ขณะที่บางคนนำบัญชีเงินฝากของคนในครอบครัวที่ไม่สามารถขอเบิกเงินได้มาโชว์พบว่ามียอดรวมกว่า 5,874,000 บาท โดยก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเบิกเงินได้เมื่อไหร่
นอกจากนี้ ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่าช่วงแรกตั้งแต่ปี 2557 ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกเงินฝากของสหกรณ์การเกษตรคลองขลุงจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 5.25 ต่อปี ต่อมาได้ปรับลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 3.50 ต่อปี โดยไม่ใช่เป็นการฝากเงินประจำและสามารถถอนเงินได้ตามปกติ ซึ่งก็มีสมาชิกอีกกลุ่มที่สามารถกู้เงินไปลงทุนทำการเกษตรและอาชีพอื่นๆ ได้และต้องเสียดอกเบี้ยตามปกติของสถาบันการเงิน
ทั้งหมดได้รวมตัวกันไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันดำเนินคดีไว้ที่ สภ.คลองขลุง แล้วเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2567 ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้สหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดให้การช่วยเหลือหาทางออก
นางฉ่ำ อยู่โต อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.5 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า ตั้งแต่สหกรณ์การเกษตรคลองขลุงก่อตั้งขึ้นมา ตนก็นำเงินไปฝากต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันรวมยอดกว่า 3.8 ล้านบาท ช่วงหลังตนได้ไปขอถอนเงินสดแต่ได้รับคำตอบว่าไม่มีเงินให้ถอน และไม่มีกำหนดที่จะได้เงิน ซึ่งตนต้องการถอนเงินไปซื้อที่ดินทำนา แต่พอมาเจอแบบนี้ก็ทุกข์หนักเข้าไปอีก ขณะนี้ก็ได้ไปแจ้งความต่อตำรวจและตั้งทนายฟ้องร้องอีกทาง
นางมาลัย พิลึก อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ม.5 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร บอกว่า ตนและครอบครัวญาติพี่น้องรวม 4 คนได้นำเงินไปฝากสหกรณ์ฯ รวมกันเกือบ 6 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2559 และไม่สามารถถอนเงินมาใช้ได้ โดยได้รับคำตอบว่าไม่มีเงินให้ถอน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับเครียดกับเรื่องดังกล่าวมาก เพราะไม่ใช่เงินของตนเพียงคนเดียว ซึ่งก็คงต้องพึ่งทนายอาสาให้ช่วยเหลือชาวบ้านด้วย หวังว่าจะได้เงินคืนมาบ้างก็ยังดี
นายกฤษติศักดิ์ ปองผดุง อายุ 63 ปี (ข้าราชการเกษียณ) อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.1 ต.หัวถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่าคนในหมู่บ้านตนมีคนฝากเงินรวมหลายสิบล้านบาท ซึ่งก็ไปถอนเงินต้นพร้อมดอกร้อยละ 3.50 บาท ช่วงแรกก็ได้มา แต่หากถอนจำนวนมากๆ กลับถูกบอกว่าไม่มีเงิน ได้มาครั้งละ 1-2 หมื่นบาท และช่วงหลังมาก็ไม่มีให้ ซึ่งตนได้กู้เงินบำเหน็จบำรุงชีพมาเพื่อฝากกินดอกแต่กลับเจอแบบนี้ก็ลำบากเพราะต้องชำระเงินที่กู้มาฝากเดือนละ 5,800 บาท
นางลำชวน ศรีแพ่ง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.5 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ระบุว่า ทำเรื่องขอถอนเงินที่ฝากไว้กับสหกรณ์การเกษตรคลองขลุง ถูกเลื่อนนัดมาถึง 3 ครั้งก็ยังไม่ได้ ล่าสุดแม้ค่าไฟของสหกรณ์เองก็ยังไม่มีจ่าย ซึ่งตนฝากเงินที่หามาทั้งชีวิตหวังว่าจะได้ดอกเบี้ยกินบ้าง จึงอยากฝากขอความช่วยเหลือจาก ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ให้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง ยอดที่ตนฝากไปล้านกว่าบาทก็ยังไม่ได้ ทำใหัทุกข์ใจเครียดกลัวเส้นเลือดสมองแตกตาย
ด้านนายอดิศักดิ์ ฟักแฟง ผู้จัดการใหญ่ สหกรณ์การเกษตรคลองขลุง กล่าวว่า ในปี 2566 สหกรณ์การเกษตรคลองขลุงเริ่มขาดสภาพคล่อง เพราะสมาชิกประสบภัยจากพิษเศรษฐกิจราคาพืชผลตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง และสถานการณ์โควิดที่ระบาด ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ไม่สามารถชำระหนี้คืนให้กับสหกรณ์การเกษตรคลองขลุงได้ อีกทั้งมีค่านิยมเข้าไปเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อหวังว่าแก้ไขหนี้แทนเกษตรกรที่ประสบปัญหา จำนวน 921 ราย หนี้ค้างชำระ 432 ล้านบาท ส่งผลให้สหกรณ์ไม่ได้รับการชำระหนี้จากสมาชิกและขาดทุนกว่า 97 ล้านบาท (ในปีบัญชี 31 มี.ค. 2566) เพราะถูกตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร
จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้สมาชิกของสหกรณ์ขาดศรัทธาจึงพากันถอนเงินที่ฝากไว้อย่างต่อเนื่องและไม่ได้คืนครบจำนวน หรือได้บางส่วน จนทำให้สหกรณ์การเกษตรคลองขลุงขาดสภาพคล่องตามไปด้วย และสมาชิกที่เหลืออีก 1,000 ราย พากันไม่ชำระหนี้คืนทำให้ขาดสภาพคล่องหนักมากยิ่งขึ้น
แนวทางแก้ไขเยียวยาผู้ที่เดือดร้อนที่จะเร่งดำเนินการคือ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ธ.ก.ส. หน่วยงานภาครัฐ กรมส่งเสริมสหกรณ์ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และทีมกฎหมายเร่งติดตามหนี้ปกติ-หนี้ค้างชำระ และลูกหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมประสานกองทุนฟื้นฟูฯ-ธ.ก.ส.เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน และรองบสนับสนุนจากภาครัฐ โดยคาดว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ภายใน 31 มี.ค. 68 หรือเร็วกว่านั้น
“ปัญหาสมาชิกที่ฝากเงินไม่สามารถถอนเงินได้ในขณะนี้ เกิดจากปัญหาสหกรณ์ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาหมุนเวียนได้เพียงพอ และเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และพิษทางการเมือง รวมทั้งสมาชิกที่เป็นหนี้กว่า 70% ไม่ยอมใช้หนี้เงินกู้คืน ทำให้ขาดศรัทธาจนทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเมื่อเราออกติดตามหนี้สินจากสมาชิกที่ค้างชำระ จนทำให้มีปัญหาการฟ้องร้องกับสมาชิกมากขึ้น จนได้เงินเข้ามาจัดการได้บ้าง และปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง”
อย่างไรก็ตาม เรายังมีทรัพย์สินที่เป็นที่ดินกว่า 10,000 ไร่ เราพร้อมจะระบายทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยจากนี้จะเร่งเปิดการเจรจาเพื่อหาทางออกกับทุกฝ่ายให้เร็วที่สุด และจะมีความชัดเจนภายใน 31 มีนาคม 2568 อย่างแน่นอน ซึ่งวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 นี้จะพูดคุยกับ 4 หน่วยงาน เพื่อหาแหล่งเงินทุนและการตรวจสอบสะสางความมั่นคงโปร่งใส
“ยืนยันว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากการทุจริต เงินทุกบาททุกสตางค์จะต้องคืนไปยังสมาชิกและดำเนินไปตามแผนอย่างแน่นอน”