นครปฐม - นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ทวงถามเจ้าอาวาสวัดสามชุก ผู้ปกครองพระครูปลัดธีระ (พระปีนเสา) ตั้งคณะกรรมการมีมติอย่างไรกับการตัดสินความผิด ตั้งข้อสังเกตเมื่อพบพฤติกรรมผิดปกติต่อเนื่อง เจ้าตัวไม่อยู่วัดต้องเร่งดำเนินการ หากเพิกเฉยญาติโยมอาจแจ้งฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
จากกรณีต่อเนื่องที่สังคมกำลังจับตาพฤติกรรมของพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พระครูปลัดธีระ” หรือ “พระปีนเสา” สังกัดวัดสามชุก จ.สุพรรณบุรี มีการแยกออกมาจากวัดต้นสังกัด และมาพำนักที่สถานปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก่อนถูกแจ้งให้กลับวัดซึ่งยังมีพฤติกรรมที่สังคมในหลายมุมมองว่าไม่เหมาะสมเพราะมีการรวมมวลชนบุกไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 การไปออกรายการโหนกระแส และมีการไลฟ์ผ่านโซเชียล Tiktok และมีการถกเถียงกับญาติโยมบ่อยครั้ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โลกโซเชียลและสื่อหลักได้มีการเผยแพร่คลิปพระภิกษุที่หน้าคล้ายกับพระครูปลัดธีระ ซึ่งได้มีการบิณฑบาต และนำสิ่งที่ได้รับกลับขึ้นมาที่รถยนต์เก๋ง จากนั้นได้มีการแชร์ในโลกโซเชียลเป็นคลิปพระภิกษุหน้าคล้ายพระปลัดธีระ ขึ้นรถยนต์เก๋งอีกคันหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะต่างวันเวลากัน ซึ่งทางพระครูปลัดธีระ ได้มีการอัดคลิปลงโซเชียลแสดงความไม่พอใจ เพจอีซ้อขยี้ข่าว และช่อง 3 ที่มีการนำคลิปไปนำเสนอ และยังมีการกล่าวถึงรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอีกครั้ง
โดยเรื่องดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือทนายพจน์ ในฐานะนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ว่า เรื่องของพระครูปลัดธีระ ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกๆ มายาวนานหลายปี ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการดำเนินการจัดการจากคณะสงฆ์ กระทั่งหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม พระวินยาธิการ เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี ได้นำหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ไปแจ้งให้ทราบว่าให้เดินทางกลับไปอยู่ที่วัดต้นสังกัด หลังจากมีการมอบอำนาจอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี 2600 ปี ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทราบว่าตัวท่านเองกลับไปรายงานตัว แต่สักพักมาอยู่ที่วัดอีกแล้ว และต่อมาได้มีหนังสือห้ามเดินทางมาที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว ซึ่งท่านยังไม่มาแต่ปรากฏว่าท่านไปใช้สื่อโซเชียลในการไลฟ์สดทุกคืน และมีการทะเลาะกับชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว ซึ่งไม่เหมาะสม มีพฤติกรรมในการไปออกรายการโทรทัศน์รายการต่างๆ แล้วมาเป็นลูกไล่ให้พิธีกรและแขกผู้ร่วมรายการ จนคนจะเรียกท่านว่าเป็นพระปีนเสา จะเรียกว่าเป็นพระปลัดขิก มีชาวบ้านชาวช่องหัวเราะกันทั้งเมืองเมื่อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อไปว่า แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงนั่นคือประชาชนไม่ได้มองว่านั่นคือพระปลัดธีระ แต่จะมองภาพรวมว่าเป็นพระสงฆ์ไทยไปแล้ว ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์เสียหายไปแล้ว ซึ่งตรงนี้อยากจะให้ทางเจ้าอาวาสวัดสามชุก พระสังฆธิการที่ปกครองก็ดี ขอให้มีการควบคุมดูแลให้ดี ตอนนี้ทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่ามีการสอบสวนถึงขั้นไหนอย่างไร หรือมีการกำหนดบทลงโทษเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าความผิดจะยังไม่เห็นชัดเจนทางกฎหมาย แต่ทางปกครองของคณะสงฆ์ก็เข้าข่ายโลกวัชชะ คือชาวโลกติเตียน ในความเป็นจริงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการเป็นโลกวัชชะ มีมาหลายครั้งทำซ้ำๆ จนพฤติกรรมน่าจะได้ขาดจากการเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าคณะอำเภอสามชุก เจ้าคณะตำบลสามชุก ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายกับพระสงฆ์ทั่วประเทศ
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกระบวนการสอบสวนและการตัดสินนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดสาม เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดโดยตรง ซ้ำยังทราบมาว่าพระครูปลัดธีระ เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วแต่มีการรอลงอาญา เรื่องที่ให้พักพิงคนต่างด้าว และยังเคยถูกทำทัณฑ์บนในเรื่องการบิณฑบาตไม่เหมาะสม เรื่องนี้เจ้าคณะผู้ปกครองต้องมี บทลงโทษให้พ้นจากการเป็นพระได้แล้ว เพราะมีพฤติกรรมที่ทำซ้ำซากอยู่บ่อยครั้ง และอยากจะฝากไปถึงสื่อมวลชน รายการต่างๆ พิธีกรว่าไม่ควรนำพระลักษณะอย่างนี้ไปออกในรายการโทรทัศน์ หรือออกในสื่อ เนื่องจากจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้วงการสงฆ์
คณะสงฆ์ผู้ปกครองต้องไม่ปล่อยปล่อยปละละเลยไว้แบบนี้ คนที่จะเดือดร้อนเสียเองก็คือท่านเจ้าอาวาสผู้ปกครอง เพราะพระที่อยู่ในสังกัดและพระที่อยู่ในปกครองท่านทำให้โลกติเตียน วันดีคืนดีอาจจะมีประชาชนที่ไม่พอใจเข้าไปแจ้งกับท่านว่าปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบก็ได้