เชียงใหม่ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้นเชียงใหม่ นั่งหัวโต๊ะประชุมซักซ้อมการป้องกันและรับมือปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ ประจำปี 2568 เน้นย้ำนโยบาย“รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด” คาดสถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น
วันนี้(8 พ.ย.67) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมซักซ้อมการป้องกันและรับมือปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยมีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะในปี 2568 ที่คาดการณ์ว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการทำเกษตรกรรมที่ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาไร่และการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมที่จะมีหมอกควันและฝุ่นละออง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการจัดการกับปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สำหรับการประชุมในครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ PM2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเร่งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวในทุกมิติ ทั้งการจัดการไฟในพื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร ตลอดจนการควบคุม ฝุ่นละอองจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมในเขตเมือง ในการนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้จัดทำ “มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ปี 2568” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับภาค และระดับจังหวัด เพื่อเป็นกลไกการบริหารจัดการในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันนายเฉลิมชัย ได้มอบนโยบายและข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวด้วยความ “รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด” โดยให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกัน เนื่องจากปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาข้ามพรมแดน ดังนั้นต้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อนำความรู้ความเข้าใจและสร้างการตระหนักรู้ให้เข้าถึงชุมชน พี่น้องประชาชน และท้องถิ่น อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งให้มีการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน มีการควบคุมการเข้าพื้นที่อย่างเข้มงวดมากขึ้น และจัดการปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรพร้อมหาวิธีการช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตร และการเตรียมความพร้อมสำหรับการสื่อสารในสถานการณ์ พร้อมจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับสถานการณ์
นอกจากนี้ การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าในปี 2568 โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพอนามัยของประชาชนให้ปลอดภัย ซึ่งการแก้ไขปัญหาไฟป่าไม่สามารถทำได้เพียงแค่หน่วยงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนทั่วไป ด้วยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและผลกระทบที่เกิดขึ้น จะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำคณะ ร่วมเปิดศูนย์ปฏิบัติเฝ้าระวัง ควบคุมไฟป่า และหมอกควัน เพื่อตอบเสนอนโยบายของรัฐบาลตามหลักเน้น “รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด” และร่วมชมการแสดงการปฏิบัติการดับไฟป่า จากเจ้าหน้าที่ทีมดับไฟป่าของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ จากนั้น รับฟังการบรรยาย ณ จุดนิทรรศการแสดงอุปกรณ์ดับไฟป่า ,โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับบินสำรวจตรวจจับความร้อน ป้องกันเหตุไฟป่า และหารือเรื่องเทคโนโลยีช่วยดับไฟป่า ลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมทำอาหารเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อีกด้วย