พิจิตร - พ่อ-แม่นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนสระหลวงพิทยาคมร้องขอเยียวยา-ความเป็นธรรม..หลังลูกชายวูบคาลู่ขณะวิ่งทดสอบร่างกาย ก่อนเสียชีวิตระหว่างคาบเรียนวิชาพลศึกษา ยันยังไม่ยอมเซ็นไม่ติดใจเอาความหลังครูขอลงชื่อกลางงานศพ
ความคืบหน้ากรณี นายธนกร ทองยิ้ม อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.4/10 โรงเรียนสระหลวงพิทยาคม เสียชีวิตขณะเรียนวิชาพละภายในสนามกีฬาของโรงเรียน เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา
ซึ่งครูพละอ้างว่า..เป็นการทดสอบสมรรถภาพทางกายในคาบเรียน ด้วยการให้นักเรียนหญิงวิ่ง 800 เมตร นักเรียนชาย 1,000 เมตร ในเวลาที่กำหนด ปรากฏว่านักเรียนที่เสียชีวิตออกวิ่งพร้อมกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายด้วยกัน แต่วิ่งไปได้แค่ประมาณ 200 เมตรก็เกิดวูบเป็นลมล้มในลู่วิ่ง จากนั้นนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
วันนี้ (5 พ.ย.) นายเสรี ทองยิ้ม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 7 บ้านสวนแตง ต.ฆะมัง อ.เมืองพิจิตร ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และผู้เป็นแม่คือ นางจรรยา เก่าบ้านใหม่ อายุ 38 ปี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทน้ำอัดลม สาขาพิจิตร ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจและจัดเตรียมพิธีศพลูกชายที่วัดสามขา ต.ฆะมัง ทั้งคู่เปิดใจเล่าว่ามีลูกชายเพียงคนเดียว เลี้ยงดูด้วยควารัก หวังว่าลูกโตขึ้นจะได้พึ่งพิงไม่นึกเลยว่าลูกจะมาเสียชีวิตจากการไปโรงเรียน
พ่อ-แม่ของนายธนกร นักเรียนชั้น ม.4/10 โรงเรียนสระหลวงพิทยาคม ที่เสียชีวิตกลางคาบเรียนวิชาพลศึกษา เล่าว่า ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิต 1 วันเหมือนมีลางบอกเหตุ ขณะตนและลูกชายรวมถึงคนในครอบครัวได้ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ลูกก็บ่นว่า..พรุ่งนี้จะต้องเรียนวิชาพละที่ครูจะให้วิ่งทดสอบร่างกาย เป็นระยะทาง 1,000 เมตร ไม่อยากวิ่งเลยเพราะกลัวเป็นลม
ซึ่งพ่อ-แม่ก็บอกกับลูกชายว่าเราสุขภาพไม่แข็งแรง หรือไม่พร้อมก็ให้บอกกับครูไปสิ ถ้าครูไม่เชื่อก็ให้โทร.มาบอกพ่อกับแม่จะช่วยพูดให้ ตอนเช้าก็ไปส่งลูกที่โรงเรียนก็ไม่นึกว่าช่วงสายจะได้ข่าวว่าลูกเสียชีวิต รู้สึกตกใจมากแต่ก็ต้องทำใจรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา นายเสรี และ นางจรรยาบอกว่า เมื่อคืนตั้งศพสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลให้ลูกชายที่เสียชีวิตในคืนแรกที่วัดสามขา ก็มีชาวบ้านและญาติพี่น้องมาร่วมงานศพ ขณะที่ครูจาก ร.ร.สระหลวงพิทยาคมนำพวงหรีดมาเคารพศพและนำเงินที่บอกว่าได้มาจากการเรี่ยไรจากครู-นักเรียนจำนวน 50,000 บาท ใส่ซองมาร่วมทำบุญด้วย
โอกาวนี้ก็มีการเร่งรัดจะให้ผู้ปกครองลงชื่อในเอกสารว่าไม่ติดใจเอาความ แต่ทางตนไม่ยอมลงชื่อเพราะยังไม่พึงพอใจในการเยียวยาตามหลักมนุษยธรรม ครูที่เจรจาก็อ้างว่าที่จะให้เซ็นชื่อนั้นเพื่อจะเร่งไปเบิกเงินประกันชีวิตที่โรงเรียนได้ทำไว้ให้ ซึ่งจะได้ 40,000 บาท ดังนั้นจึงอยากออกมาเรียกร้องให้ครูพละและผู้บริหารของโรงเรียนสระหลวงพิทยาคมแสดงความรับผิดชอบในชีวิตของลูกชายที่สูญเสียไป เพราะตนมีลูกชายเพียงคนเดียว
