xs
xsm
sm
md
lg

“ประเสริฐ” ห่วงแล้งโคราช ลำตะคองเหลือน้ำใช้การแค่ 28% กำชับกรมชลฯ หาน้ำผลิตประปาให้เพียงพอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “รองนายกฯ  ประเสริฐ” ห่วงแล้งอีสาน ประเดิมลงพื้นที่โคราช เร่งขับเคลื่อนมาตรการแล้ง คุมเข้มแผนบริหารจัดการน้ำลำตะคอง เหตุมีปริมาณน้ำใช้การอยู่แค่ 28% กำชับกรมชลประทานสนับสนุนน้ำต้นทุนให้เพียงพอผลิตประปาตลอดช่วงแล้งนี้


วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม

เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 พร้อมมอบนโยบายและพบปะประชาชนในพื้นที่ หลังจากนั้นลงพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำตามมาตรการรองรับฤดูแล้งในจุดต่างๆ ได้แก่ สถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติ (ท่าช้าง) ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ, บ่อพักน้ำซับแห้ง บ้านซับศรีจันทร์ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ตามลำดับ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เนื่องจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาในพื้นที่มีปริมาณฝนตกน้อย ทำให้แหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำกักเก็บค่อนข้างน้อย รวมถึงอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญในการผลิตน้ำประปาและการเกษตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การอยู่เพียง 28% จึงมีความจำเป็นต้องควบคุมแผนการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ให้ความสำคัญต่อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นอันดับแรก ดังนั้นการลงพื้นที่วันนี้เพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานในการเร่งขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 ตามที่ สทนช. ได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำไว้ล่วงหน้า เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการเชิงป้องกัน ลดผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย รวมทั้งรับฟังปัญหาและอุปสรรคเพื่อนำไปกำหนดแนวทางการแก้ไขในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคของชาวโคราช โดยเฉพาะพื้นที่ด้านเศรษฐกิจในตัว อ.เมืองนครราชสีมา ปัจจุบันมีการใช้น้ำประปาจาก 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักการประปาเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งจ่ายน้ำให้ประชาชนเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 87,500 ครัวเรือน และสถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติ (ท่าช้าง) การประปาส่วนภูมิภาคสาขานครราชสีมาจ่ายน้ำให้ประชาชนในพื้นที่นอกเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 46,000 ครัวเรือน โดยระบบประปาเทศบาลฯ ใช้น้ำจาก 3 แหล่ง ประกอบด้วย ลำตะคอง ลำแชะ และลำน้ำมูล

ส่วนสถานีผลิตน้ำเฉลิมพระเกียรติฯ ใช้น้ำจากลำน้ำมูลเป็นหลัก ปริมาณ 43,000 ลบ.ม./วัน โดยมีแหล่งน้ำสำรองคือ สระเก็บน้ำขนาด 4.1 ล้าน ลบ.ม. สำหรับใช้ในกรณีน้ำลำน้ำมูลแห้งจนไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาได้ ซึ่งระบบประปาทั้ง 2 แห่งต้องใช้แหล่งน้ำดิบจากลำน้ำมูลประมาณ 73,000 ลบ.ม./วัน จากการรับฟังปัญหาพบว่า อ.เมืองนครราชสีมา ประสบปัญหาปริมาณน้ำต้นทุนจากลำน้ำมูลเพื่อผลิตน้ำประปามีไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่

ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนมีปริมาณน้ำใช้อย่างเพียงพอ จึงได้กำชับให้กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำแชะและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน สนับสนุนน้ำต้นทุนในลำน้ำมูลให้เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาตลอดช่วงฤดูแล้งนี้




ด้านเลขาธิการ สทนช.กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.นครราชสีมาอยู่ในพื้นที่ลำน้ำมูลเป็นส่วนใหญ่ และมีลำน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ลำเชียงไกร ลำตะคอง ลำพระเพลิง ลำแชะ และลำจักราช ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค. 67) สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำทั้งหมด 4,962 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวมกันอยู่ที่ 650 ล้าน ลบ.ม. หรือ 49% ซึ่งน้อยกว่าปี 66 อยู่ที่ 121 ล้าน ลบ.ม. โดยแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ อ่างลำตะคอง อ่างลำพระเพลิง อ่างมูลบน และอ่างลำแชะ มีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 430 ล้าน ลบ.ม. หรือ 49%

นอกจากนี้ แหล่งน้ำขนาดกลาง 19 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 188 ล้าน ลบ.ม. หรือ 58% และแหล่งน้ำขนาดเล็ก 4,939 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 31 ล้านลบ.ม. หรือ 26% ทั้งนี้ สทนช.ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของ จ.นครราชสีมาใน 31 ตำบล 14 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านเหลื่อม อ.ชุมพวง อ.ลำทะเมนชัย อ.ขามทะเลสอ อ.ขามสะแกแสง อ.เมืองนครราชสีมา อ.ปากช่อง อ.ด่านขุนทด อ.ปักธงชัย อ.โนนสูง อ.พระทองคำ อ.สีคิ้ว อ.โนนไทย และ อ.สีดา 

นอกจากแนวทางแก้ไขปัญหาด้านน้ำของ จ.นครราชสีมา ในระยะเร่งด่วนแล้ว รองนายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายแนวทางแก้ปัญหาด้านน้ำระยะยาว โดยให้ สทนช.บูรณาการทุกหน่วยงานเร่งขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำด้านต่างๆ เช่น ธนาคารน้ำใต้ดิน แก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เป็นต้น พร้อมกำชับให้เร่งดำเนินการโครงการที่ได้รับอนุมัติงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองบริหารจัดการน้ำในอ่างฯลำตะคองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด




เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอจนสิ้นสุดฤดูแล้ง รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาแหล่งน้ำสำรองเพิ่มเติมเพื่อใช้อุปโภคบริโภคและการเกษตร ตามลำดับ และให้หน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเสนอโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำระดับท้องถิ่น รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อให้การใช้น้ำร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการบริหารจัดการน้ำ

สำหรับการบูรณาการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยมีแผนงานในปีงบ 67 จำนวน 645 โครงการ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 1.26 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับประโยชน์ 9,280 ไร่ พื้นที่ได้รับการป้องกันจากอุทกภัย 6,230 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 5,244 ครัวเรือน เช่น ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองนครราชสีมา ระยะที่ 1 อ.เมืองนครราชสีมา, ทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านซับกระจายพร้อมระบบส่งน้ำ ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว ฯลฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น