เชียงราย - เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน..สาวพยาบาลเชียงราย-เพื่อนบ้านถูกคุกคามทั้งทิ้งขยะ-ส่งเสียงดัง บีบแตร/เร่งเครื่องรถ-ขว้างปาสิ่งของใส่บ้าน บางคนโดนชกตั้งแต่เจอหน้าวันแรก แจ้งความ-ร้องทุกข์มาแล้วหลายรอบแต่ไร้ผล ย่างเข้าปีที่ 3 ยังก่อเหตุไม่หยุด
ชาวบ้านหลายรายในหมู่บ้านจัดสรร หมู่ 13 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย ประสบเหตุคนก่อความเดือดร้อนวุ่นวายข้ามปี จนทำให้หลายคนพากันไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองเชียงราย เทศบาล ต.ท่าสาย ฯลฯ ตั้งแต่ปี 2565 กระทั่งปัจจุบันปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นเหมือนเดิม
ทุกวันนี้บางคนไม่กล้าออกนอกบ้าน โดยเฉพาะช่วงกลางคืนต้องปิดประตูหน้าต่างเพราะกลัว บางคนได้ถ่ายภาพและคลิปพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งต่างยืนยันว่าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับชายคนดังกล่าวมาก่อนเลย ทราบเพียงว่าอาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียว
นายไก่ (นามสมมติ) คนในหมู่บ้านดังกล่าว บอกว่าชายที่ก่อเหตุเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเพียงไม่กี่ปี แต่เพียงเห็นหน้าตนครั้งแรกก็ท้าชกต่อย จากนั้นเอาขยะมาทิ้งใส่บ้านตนหลายครั้ง จึงไปแจ้งความต่อตำรวจแต่ก็ได้รับคำตอบว่าทำอะไรไม่ได้ต้องทนอยู่จนถึงปัจจุบัน และต้องระมัดระวังตัวเกรงว่าจะถูกทำร้าย ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบหากพบว่าบุคคลดังกล่าวมีอาการทางจิตก็ขอให้นำไปรักษาตัวด้วย
ด้าน น.ส.เป็ด (นามสมมติ) ซึ่งอาศัยอยู่บ้านอีกหลังกล่าวว่า ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับชายคนดังกล่าวเช่นกัน แต่กลับต้องทนพฤติกรรมของชายคนนี้มานานกว่า 2 ปี เคยแจ้งความต่อตำรวจถึง 5 ครั้ง แจ้งเทศบาล ต.ท่าสาย ผู้ใหญ่บ้าน ศูนย์ดำรงธรรม ฯลฯ ชายคนดังกล่าวเคยถูกเรียกไปโรงพัก 3 วัน
แต่หลังจากออกมาแล้วก็ยิ่งมีพฤติกรรมที่หนักกว่าเก่า ก่อเหตุทั้งทิ้งขยะ เศษขวดแก้ว ขว้างปาสิ่งของใส่บ้านของตน บางครั้งก็บีบแตรรถลากยาว เร่งเครื่องยนต์รถในยามค่ำคืน ตะโกนส่งเสียงด่าทอทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกัน ฯลฯ สร้างความเดือดร้อนให้ตนและเพื่อนบ้านอย่างมาก
หญิงสาวคนเดิมกล่าวอีกว่า ตนทำงานเป็นพยาบาลต้องเข้าเวรและออกเวรกลางดึก แต่ชายคนดังกล่าวเหมือนจะรอให้ตนกลับบ้านแล้วถึงก่อเหตุส่งเสียงดัง เร่งเครื่องรถ ฯลฯ ทำให้ตนไม่ได้พักผ่อน ล่าสุดเอาขวดเบียร์พาดประตูบ้านของตนจนพังเสียหาย มารดาตนถูกเศษแก้วบาดจนบาดเจ็บ 2 รอบแล้ว
“บางครั้งฉันอยู่บ้านคนเดียวชายคนดังกล่าวก็ตะโกนด่าให้ออกไปพบหน้าบ้านทำให้กลัว เมื่อแจ้งตำรวจก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือและรู้สึกไม่มีความปลอดภัยเลย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วย และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวอาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตด้วย”