บุรีรัมย์ - พ่อแม่ญาติพี่น้องเมียช็อกร่ำไห้! หนุ่มแรงงานบุรีรัมย์สังเวยชีวิตเหตุสู้รบในอิสราเอลพร้อมแรงงานไทย 4 ศพล่าสุด เผยทั้งน้ำตายอมเสี่ยงตายเพื่อครอบครัวเดินทางกลับไปทำงานอิสราเอลรอบสอง และย้ายไปทำภาคเหนือเพราะได้ค่าแรงสูงกว่าท่ามกลางการสู้รบรุนแรง หลังเป็นหนี้กู้เงิน ธ.ก.ส.และทำงานยังไม่ครบสัญญาจ้าง
วันนี้ (1 พ.ย. 67) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 129/1 บ้านหนองพลวง ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายประหยัด พิลาศรัมย์ อายุ 42 ปี แรงงานไทยที่โดนระเบิดจากเหตุสู้รบทางตอนเหนือของอิสราเอล เสียชีวิตพร้อมกับแรงงานไทยล่าสุดรวม 4 ราย ได้มีชาวบ้าน และญาติพี่น้องที่ทราบข่าวเดินทางมาแสดงความเสียใจพร้อมทั้งผูกแขนให้กำลังใจครอบครัวนายพิลาศ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว ประกอบด้วย นายยศ พิลาศรัมย์ อายุ 70 ปี ผู้เป็นพ่อ นางรน พิลาศรัมย์ อายุ 70 ปี มารดา นางสุลาภรณ์ รุ่งเรือง อายุ 45 ปี พี่สาว และ น.ส.ประไพ บุหงา อายุ 40 ปี ภรรยา ที่ยังช็อกและทำใจไม่ได้ต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปแบบกะทันหัน ซึ่งครอบครัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่งไทย และทางการอิสราเอล ส่งร่างของนายประหยัดกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด และช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวด้วย เพราะนายประหยัดเป็นเสาหลักที่ทำงานดูแลครอบครัว
นางสุลาภรณ์ พี่สาวนายประหยัด เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้น้องชายขับรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียน และผู้โดยสารทั่วไปพอเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่ช่วงสถานการณ์วิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด แทบไม่มีรายได้เลย พอหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง มีคนในหมู่บ้านเดียวกันมาชักชวนไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งตนยังถามน้องชายว่าจะไปจริงๆ ใช่หรือไม่ เพราะเป็นห่วงน้องชายเนื่องจากที่ผ่านมาน้องไม่เคยไปทำงานไกลบ้านเลย โดยเฉพาะต่างประเทศ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่น้องตัดสินใจไปเพราะอยากมีรายได้มาดูแลครอบครัว
แม่จึงไปกู้เงิน ธ.ก.ส.และเงินนอกระบบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลรอบแรกกว่า 1 แสนบาท แต่พอเกิดเหตุสู้รบทางการก็ให้กลับมาพัก แต่ยังไม่ครบสัญญาจ้างนายจ้างก็ติดต่อให้กลับไปทำงานอีก ทุกคนในครอบครัวก็ไม่อยากให้ไปเพราะเป็นห่วง แต่น้องชาย ยืนยันจะกลับไปแม้รู้ว่าเสี่ยงอันตรายก็ตาม จนเกิดเหตุสลดขึ้นก็เสียใจมากที่สูญเสียน้อง ถือว่าน้องเสียสละเพื่อครอบครัว ก็อยากให้ทางการช่วยนำร่างน้องกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด และช่วยเหลือครอบครัวด้วย
ด้าน น.ส.ประไพ ภรรยานายประหยัด บอกว่า ที่สามีตัดสินใจไปทำงานอิสราเอลเพราะอยากมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว เพราะมีลูกถึง 3 คน ตัวเองก็ดูแลลูกไม่ได้ทำงาน ส่วนพ่อแม่สามีก็อายุมากแล้ว โดยสามีเดินทางไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 64 จากนั้นเกิดเหตุสู้รบทางการให้เดินทางกลับไทยเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 66 ต่อมานายจ้างติดต่อให้กลับไปทำงานอีกรอบเพราะยังไม่ครบสัญญาจ้าง
ตอนแรกสามีทำงานอยู่แถวภาคกลางซึ่งไม่อันตรายมาก แต่เพื่อนชวนไปทำงานทางตอนเหนือเพราะมีค่าแรงที่สูงกว่า ตนบอกไม่ให้สามีไป แต่สามีก็อยากไปเพราะอยากได้ค่าแรงที่สูงกว่า ที่ผ่านมาโทร.หาสามีทุกวัน สามีบอกว่ามีเหตุสู้รบเกือบทุกวัน บางวันขีปนาวุธยิงข้ามศีรษะจุดที่ทำงานอยู่ด้วย ก็บอกให้สามีดูแลตัวเองดีๆ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดแบบนี้ เสียใจมาก