บุรีรัมย์ - ตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมตร.ชุดสืบจังหวัดบุรีรัมย์-สภ.ละหานทราย และฝ่ายปกครองระดมกำลังปิดล้อมป่าจับกุมหนุ่มโหดแทงลูกชายรองนายกเทศมนตรี 6 แผลดับกลางถนน เจ้าตัวปัดไม่ได้ลวงไปฆ่าแค่บังเอิญเจอกันแล้วผู้ตายไปตะโกนเรียกฝ่ายหญิงจนมีปากเสียงทะเลาะ ถูกผู้ตายชกหน้าก่อนโมโหชักมีดจ้วงแทง ตร.เค้นสอบเมียคนที่สอง และผู้เกี่ยวข้องเจตนาพาผู้ต้องหาหลบหนีหรือไม่
ความคืบหน้ากรณีที่ นายวัลลภ สิงสาท อายุ 51 ปี พนักงานเทศบาลตำบลละหานทราย ซึ่งเป็นลูกชายของนายทวี สิงสาท รองนายกเทศมนตรีตำบลละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงหลายแผล เมื่อคืนวันที่ 28 ต.ค. 67 บริเวณริมถนนคอนกรีตทางเข้าวัดป่าละหานทราย หน้าบ้านเลขที่ 249 บ้านหนองตาแอก ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย อาการสาหัสก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยพยานให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุแทงนายวัลลภ คือ นายสุรัตน์ บุษราคัม อายุ 47 ปี สาเหตุน่าจะหึงหวงเนื่องจากผู้ตายและผู้ก่อเหตุชอบผู้หญิงคนเดียวกัน หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยตำรวจภูธรจังหวัด และตำรวจ สภ.ละหานทราย ได้ระดมกำลังออกไล่ล่าติดตามตัวคนร้าย
กระทั่งล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา ( 30 ต.ค. 67) ทราบว่า นายสุรัตน์ ผู้ต้องหา หลบซ่อนตัวในป่านิคมเขต ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กม. เนื่องจากขณะตำรวจไล่ล่าติดตามคนก่อเหตุ มีผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องหาและเพื่อนอีกคนไปซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านแล้วทำผ้าโพกหัวปิดบังใบหน้าตก ตำรวจจึงจำได้ว่าเป็นภรรยาของผู้ต้องหา จึงเค้นถามจนยอมบอกว่ามาซื้อเสบียงอาหารไปให้นายสุรัตน์ ผู้ต้องหาที่ซ่อนตัวในป่า
จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนภาค 3 ร่วมกับชุดสืบภูธร จ.บุรีรัมย์ ชุดสืบ สภ.ละหานทราย สภ.หนองไทร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลหนองไทร ได้กระจายกำลังปิดล้อมป่านิคมเขตที่คนร้ายหลบซ่อนตัว ก่อนจะบุกเข้าชาร์จจับกุมตัวนายสุรัตน์ ซึ่งขณะเข้าจับกุมนายสุรัตน์พยายามวิ่งหนีแต่สุดท้ายจนมุมถูกล็อกตัวได้ ก่อนจะควบคุมตัวไปที่ สภ.ละหานทราย
จากการสอบถามนายสุรัตน์ ผู้ต้องหา เล่าว่า วันเกิดเหตุ น.ส.เจี๊ยบได้ขอเงินจากตนเองบอกว่าจะไปถ่ายบัตรประชาชน จากนั้น 4 โมงเย็นโทร.หาให้ตนไปรับกลับบ้าน แต่ตอนที่ตนไปรับ นายวัลลภ ผู้ตายก็มาตะโกนเรียก เจี๊ยบๆ ตนก็งงว่าใครมาเรียก เจี๊ยบบอกว่าเป็นคนที่เคยคบกันตนก็เลยถามว่าอ้าวไหนบอกว่าเลิกกันแล้ว ซึ่ง น.ส.เจี๊ยบได้คบหาอยู่กินกับตนเอง 2 เดือนแล้ว แต่ตอนนั้นนายวัลลภท่าทางเมาโวยวายตนจึงบอกว่าถ้าเมาก็กลับบ้านไป ก็ขับรถออกไปสักพักกลับมาใหม่จนเกิดการทะเลาะกันแล้วเขาก็เข้ามาต่อยตนเองก่อนตนก็สู้กลับ แต่เขายังใช้มือดึงเชือกที่คอแล้วล็อกคอทำให้หายใจไม่ออก ตนจึงใช้มีดที่พกติดตัวเพื่อไว้สำหรับเปิดฝาถังน้ำมันรถเพราะไม่มีกุญแจ จ้วงแทงนายวัลลภ
พอนักข่าวถามนายสุรัตน์ว่าเป็นแฟนกับ น.ส.เจี๊ยบใช่หรือไม่ นายสุรัตน์ตอบแบบมั่นใจเป็นผัวเมียกันเลยกินนอนอยู่ด้วยกัน ซึ่งก่อนที่จะมาอยู่กินกับตน น.ส.เจี๊ยบบอกว่าเลิกกับนายวัลลภแล้ว
สาเหตุที่ใช้มีดแทงนายวัลลภยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหึงหวงเพราะเขาบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่ที่แทงเพราะโมโหที่ถูกต่อยก่อน แล้วก็ไม่ได้มีการนัดหมายไปแต่เจอด้วยความบังเอิญ หลังก่อเหตุก็ขับรถกลับบ้านก่อนจะหลบหนีไปซ่อนตัวในป่า ซึ่งตอนที่หลบหนีได้โทร.ตาม น.ส.ออย ภรรยาอีกคนให้ไปอยู่เป็นเพื่อน ตอนที่อยู่ในป่าก็คุยกับภรรยาอีกคนว่าตั้งใจจะมอบตัวตอนเช้าวันที่ 31 ต.ค.
พอนักข่าวถามว่าถ้าตั้งใจจะมอบตัวแล้ววิ่งหนีตำรวจทำไม นายสุรัตน์บอกว่า ตกใจกลัวตำรวจจะวิสามัญ แล้วพอนักข่าวถามอีกว่าเคยทำร้าย น.ส.เจี๊ยบ ถึงขั้นจับกล้อนผมจริงหรือไม่ นายสุรัตน์บอกว่า จริงเพราะจับได้ที่แอบคุยกับผู้ชายวัยรุ่น ส่วนตนเองปัจจุบันมีภรรยา 4 คน
ขณะที่ น.ส.ออย ภรรยาอีกคนของนายสุรัตน์ บอกว่า เพิ่งคบหากับนายสุรัตน์ได้ประมาณ 3 วัน หลังก่อเหตุเขาไปหาที่บ้านแล้วบอกให้พาเข้าไปในป่า ตอนนั้นเขายังไม่บอกว่าไปทำอะไรมา เพิ่งจะบอกตอนเข้าไปอยู่ในป่าแล้ว ตนบอกให้เขามอบตัวแต่เขาก็ไม่พูดอะไร ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะพาหลบหนีแต่สถานการณ์ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าไม่ไปกับเขาก็กลัวจะถูกทำร้าย ซึ่งเขาพูดขู่ไว้ด้วยว่าถ้ามึงมีคนใหม่มึงตายก็เลยกลัว
ด้าน พ.ต.อ.มนัสวุฒิ บรรยงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรละหานทราย กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่า ปมสาเหตุสืบเนื่องจากผู้ต้องหาเข้าใจว่าฝ่ายหญิงเลิกกับผู้ตายแล้ว แต่พอรู้ว่ายังติดต่อกันอยู่แล้วมาเห็นเขาอยู่ด้วยกัน แต่จะเป็นการบังเอิญมาเจอหรือนัดมาก็ต้องสอบสวนอีกครั้ง ส่วนที่ผู้ต้องหาหลบหนีจะมีใครช่วยเหลือพาหนีหรือไม่นั้นก็ต้องสอบสวนเช่นกัน ส่วนกรณีที่ครอบครัวตั้งข้อสงสัยว่า น.ส.เจี๊ยบ ซึ่งเป็นอดีตแฟนผู้ตายเป็นนกต่อติดต่อให้ผู้ตายออกไปหาทำให้ถูกฆ่าเสียชีวิตนั้น ก็ต้องทำการสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงและมีความเชื่อมโยงตามที่ญาติติดใจสงสัยหรือไม่ และรายละเอียดบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ขอให้อยู่ในสำนวน แต่เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าได้ก่อเหตุแทงผู้ตายจริง และลงมือเพียงคนเดียว ส่วนจะมีใครพาหลบหนีหรือไม่อย่างไรหากมีพยานหลักฐานว่ามีทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ฆ่าคนตายโดยเจตนา”