สกลนคร-ชักบานปลาย คนที่เคยเป็นคู่กรณี“ทนายตั้ม”ออกมาแฉเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด “ลุงพล”เผยช่วงคดีน้องชมพู่ แฟนคลับลงขันจ้างทนายตั้มช่วยความให้ 3 ล้านบาท ต่อรองเหลือ2ล้านบาท แต่จู่ๆทนายตั้มขอถอนตัว เพราะไม่พอใจที่ยูทูปเบอร์พูดขณะไลฟ์ว่าหากเจองูกับทนายให้ตีทนายก่อน ลุงพลยังฝากคำคมถึงทนายคนดัง “เรียนเนติอย่างเนรคุณ”
จากกรณี ทนายโซเชียล นายษิทรา เบี้ยบังเกิดหรือทนายตั้ม ถูก"พี่อ้อย" นางจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยแจ้งความข้อหาฉ้อโกงฯ เงิน 71 ล้านบาท ที่ สภ.ปากช่อง ต่อมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ของทนายตั้มออกมาเปิดเผยผ่านเพจสนธิทอล์กของตัวเอง กระทั่งมีหลายคนที่เคยมีประสบการณ์ด้านลบของทนายตั้มออกมาแฉ จนเรื่องราวบานปลาย และได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง ที่บ้านดงจำปา อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร บ้านของนายไชยพล วิภา หรือลุงพล กับ นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น สอบถามถึงความคิดเห็น เพราะทนายตั้มเคยเกือบจะได้เป็นทนายว่าความให้กับลุงพลในคดีน้องชมพู่มาแล้ว
โดยลุงพลบอกว่า ได้เห็นข่าวตามหน้าสื่อไปบ้างแล้วส่วนจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานต้องคอยติดตามกันต่อไป อยากให้ทนายคนดังออกมาพิสูจน์ตัวเองสังคมจะได้ไม่ตำหนิ แต่เบื้องต้นตนมองว่าทุกอย่างต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม
ในส่วนของทนายตั้มที่เข้ามาดูแลตนเรื่องคดีความน้องชมพู่ขณะนั้น ทางกลุ่มแฟนคลับเป็นคนซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆแทนตน เนื่องจากตอนนั้นตนยังไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าทนาย โดยทนายตั้มไปตกลงค่าจ้างกับแฟนคลับเอง ส่วนราคาว่าความประมาณ 3 ล้านบาท ต่อมาเจรจาขอลดลงเหลือ 2 ล้านบาท ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆ ทนายตั้มก็ขอยุติบทบาทลง
“ทนายตั้มเขาให้เหตุผลว่า ไปได้ยินยูทูบเบอร์ไลฟ์สดประมาณว่าเจองูกับทนายให้ตีทนายก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ตกใจมาก และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ต่างคนต่างเดิน”ลุงพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายว่าอีกว่า เมื่อพูดมาถึงจังหวะที่พูดเรื่องเหตุผลทำให้ต้องแยกย้ายกันไป ลุงพลเริ่มน้ำตาคลอขณะเดียวกันป้าแต๋นก็พยามห้ามไม่ให้พูดถึงอดีต เพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว แต่สุดท้าย นายไชยพลหรือลุงพล ก็ทนไม่ไหว ขอพูดระบายความในใจมาว่า ทนายตั้มเคยแนะนำตนให้ไปเรียนนิติศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และยังพูดฝากมาถึงตนผ่านสื่อว่า “เรียนเนอย่าไปเนรคุณใคร” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เห็นแล้วว่าคำพูดนี้กลับย้อนไปหาเขา ซึ่งเขาเคยดูถูกตนไว้เมื่อก่อนนี้
อย่างไรก็ตาม ฝากให้กำลังใจทั้งผู้เสียหายและทนายตั้ม ส่วนตัวไม่ขอตัดสินใครเพราะเคยถูกกระแสสังคมตัดสินมาแล้ว คนหนึ่งก็คือคนคุ้นเคยกันและอีกคนคือผู้เสียหายที่ไม่รู้จัก แต่ก็น่าเห็นใจเพราะเสียหายเยอะขนาดนั้น