เชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยอมรับเกิดความผิดพลาดในการดูแลเด็กนักเรียนนายสิบของศูนย์ฝึกอบรมฯ ลำปาง เหตุเนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่แต่ยังมีการฝึกซ้อมโดยไม่ได้คัดกรองจนเกิดการป่วยซ้ำหามส่งโรงพยาบาล ล่าสุดสั่งเลิกซ่อมและหลัง 4 ทุ่มต้องได้พักผ่อน ส่วน 4 ครูฝึกย้ายไปช่วยราชการเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างนักเรียนกับครูฝึก ย้ำความมั่นใจผู้ปกครองดูแลอย่างดี ส่วนตัวแทนนักเรียนรับว่าป่วยจากเป็นไข้หวัดแต่ฝืนฝึกจนเป็นลมด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม ตอนนี้หายเป็นปกติ ยันเป็นตำรวจต้องผ่านการฝึก
ความคืบหน้าจากการณีที่เด็กนักเรียนนายสิบของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 ลำปางจำนวน 3 นายถูกส่งตัวเข้าแอดมิตที่ รพ.ห้างฉัตรเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ "โดนแดก" หรือถูกซ่อม หรือลงโทษหมู่ทั้งรุ่น เพราะมีการโพสต์เรื่องการห้ามใช้โทรศัพท์ถูกเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นที่มาที่เด็กนักเรียนนายสิบทั้งรุ่น "โดนแดก" หรือถูกทำโทษต่อเนื่องนานถึง 4 วัน จนเด็กบางรายสภาพร่างกายทนไม่ไหวเป็นลม ล้มชักเกร็ง บางรายหมดสติจนต้องส่งโรงพยาบาล
วันนี้ (29 ต.ค. 67) พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นพร้อมกับมีการเชิญตัวแทนของเด็กนักเรียนนายสิบที่ป่วย 3 นาย และ พ.ต.อ.สุริยงค์ วุฒิ รรท.ผบก.ศฝร.ภ.5 มาร่วมให้ข้อมูล
เบื้องต้นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยอมรับว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นในเรื่องของการดูแลการเจ็บไข้ได้ป่วยของนักเรียน เนื่องจากช่วงก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์นั้นพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่อย่างหนักในโรงเรียนเป็นเหตุให้นักเรียนจำนวนมากติดไข้หวัด บางคนก็แสดงอาการบางคนไม่แสดงอาการ และที่สำคัญบางคนมีอาการแต่ไม่กล้าบอกครูฝึกเพราะกลัวจะไม่ได้หยุดกลับบ้านในช่วงวันหยุดที่จะถึง ประกอบกับมีการซ่อมหรือลงโทษกรณีเรื่องของการใช้โทรศัพท์ แต่ครูฝึกผิดพลาดที่ไม่ได้มีการคัดกรองเด็กที่มีอาการป่วยแล้วแยกดูแลแต่กลับถูกฝึกหนักต่อเนื่องซึ่งตามปกติก็เป็นการฝึกของนักเรียนนายสิบอยู่แล้ว
แต่ด้วยอาการป่วยทำให้ร่างกายของเด็กบางคนรับไม่ไหวจึงเกิดอาการป่วยหนักขึ้น บางคนเป็นลมแต่ก็ได้มีการช่วยปฐมพยาบาลและนำตัวส่งโรงพยายาลซึ่งทั้งหมดตอนนี้ก็หายดีแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาดของโรงเรียนที่ไม่ได้มีการคัดกรองเด็กป่วย นอกจากนี้แล้วก็จะเน้นย้ำเป็นมาตรฐานว่าต่อไปนี้หลังเวลา 22 นาฬิกาก็จะห้ามซ่อม หรือห้ามมีการฝึกต้องให้เด็กพักผ่อนอย่างเพียงพอ พร้อมกับรับปากให้ความมั่นใจกับทางผู้ปกครองว่าจะดูแลบุตรหลานของท่านอย่างเต็มที่ ส่วนคู่กรณีครูฝีกชั้นประทวนทั้ง 4 นายตอนนี้ก็ได้ให้ไปช่วยราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนของการฝึกนักเรียนแล้วเพื่อชะลอความตึงเครียดระหว่างครูกับนักเรียนลง
ขณะที่ตัวแทนเด็กนักเรียนที่ป่วย 3 นายก็ได้มาร่วมให้ข้อมูลยอมรับว่าทั้ง 3 นายป่วยจากอาการไข้หวัดใหญ่จริงแต่ฝืนเพราะคิดว่าตัวเองยังไหว อีกอย่างก็กลัวไม่ได้พักกลับบ้านในช่วงวันหยุดเลยฝืนฝึกต่อจนล้มป่วยลงตามข่าว แต่ตอนนี้หายป่วยแล้วยืนยันไม่ได้ติดใจเอาความกับทางโรงเรียนหรือครูฝึกเพราะเข้าใจว่าเป็นการฝึกตามระเบียบวินัยของทางโรงเรียนอยู่แล้ว ตั้งใจสอบเข้ามาเพราะอยากเป็นตำรวจก็พร้อมจะเรียนและฝึกต่อไป ซึ่งการซ่อมหรือการลงโทษนั้นก็เป็นท่าฝึกออกกำลังกายตามปกติที่ฝึกกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของโทรศัพท์นั้นยอมรับว่าเป็นกฎระเบียบของโรงเรียนอยู่แล้วที่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ยอมรับว่ามีบางคนแอบใช้จึงต้องถูกลงโทษตามระเบียบ แต่เรื่องการใช้โทรศัพท์นั้นตามระเบียบหากมีความจำเป็นก็สามารถขออนุญาตครูฝึกเพื่อใช้ได้อยู่แล้ว ส่วนกรณีการย้ายครูฝึก 4 นายออกไปก็รู้สึกดีเพื่อลดความขัดแย้งของทุกฝ่ายลงด้วย