ลำปาง - ครูฝึก ศฝร.5 ซาดิสต์..เรียกนักเรียนตำรวจซ่อมสุดโหด-ลากยาวหลายชั่วโมง ติดต่อกัน 4 วัน จน นสต.ช็อก-หมดสติถูกหามส่ง รพ.ห้างฉัตร 4 นาย ต้องแอดมิต 3 หมดแรงอีกนับสิบ หลังเด็กโพสต์แฉถูกห้ามใช้โทรศัพท์ เผย นร.ถูกซ่อมจนจะกลายเป็นโรคจิต-ผวา แต่ไม่กล้าบอกแม้ป่วยเพราะกลัวถูกลงโทษไม่ได้กลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเรื่องราวดังกล่าวจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นอาจารย์คนหนึ่งที่สอน นสต.เพราะทนเห็นเด็กถูกทารุณไม่ไหวว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 24 ต.ค. เวลาประมาณ 22.30 น. รถกู้ภัย รพ.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร ได้เข้าไปรับตัว นสต.รวม 4 นาย เนื่องจากหมดสติ ช็อก เป็นลม จนต้องแอดมิต 3 นาย และมีอาการเหนื่อย หมดแรงอีกประมาณ 10 นาย
ต่อมา (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง ทราบว่าเป็นเรื่องจริง และช่วงสายของวันดังกล่าวทาง ผกก.ฝ่ายปกครองได้ให้พาตัว นสต.ทั้ง 4 ออกจาก รพ.กลับไปพักที่ ศฝร.ทันที เพราะเกรงจะเป็นข่าว
จากการสอบถามอาจารย์ที่สอนใน ศฝร.5 ทราบว่า นสต.ทั้งหมดที่เกิดอาการป่วย หรือที่ นสต.ใช้ศัพท์พูดกันว่า “โดนแดก” หมายถึง “ถูกซ่อม” หรือ “ถูกลงโทษ” ทั้งรุ่น ในตอนกลางคืนหลังเลิกเรียนห้าโมงเย็นติดต่อกันประมาณ 4 วัน จนร่างกายรับไม่ไหวและทรุดระหว่างโดนซ่อม คือ เป็นลมไป 10 เกือบปั๋มหัวใจ 1 ช็อกต้องแอดมิต 3 นาย ซึ่งล่าสุดทั้ง 4 นายบางรายกลับไปพักที่บ้าน และพักที่กองร้อย อาการยังไม่ค่อยปกติ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นสต.ซึ่งส่วนใหญ่กลัวไม่กล้าที่จะให้ข้อมูล เกรงจะถูกลงโทษหนักกว่าเดิม แต่ก็ยังมี นสต.เอ (นามสมมติ) ทนสภาพการเรียนการสอนของ ศฝร.ไม่ได้ ยอมเล่าถึงความเป็นอยู่ของ นสต.ให้ฟังทางโทรศัพท์ว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็น นสต.เมื่อปี 2566 (ปีที่ผ่านมา) เข้ามาได้ 2-3 เดือน ซึ่งก็น่าจะตรงกับตุลาคม ปี 2566 นักเรียนเริ่มป่วยไม่สบายก็ไม่ได้แยกตัวรักษา ยังคงเรียนและฝึกหนักต่อเนื่อง
และเมื่อป่วย น้ำมูก น้ำลายก็ลงในบ่อน้ำ นักเรียนใช้บ่อน้ำอาบน้ำรวมกันจนแพร่เชื้อมีนักเรียนป่วยไม่สบายปอดติดเชื้อ 200-300 นาย ทยอยไปรักษาที่ รพ.ลำปาง โดยที่ทางโรงเรียนไม่ได้ใส่ใจนักเรียน และยังคงบังคับข่มขู่ ลงโทษ
ซึ่งเด็กทุกนายกลัวเนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นเด็กเพิ่งเรียนจบชั้น ม.6 แม้จะป่วยก็ไม่กล้าบอก เพราะกลัวถูกลงโทษไม่ให้กลับบ้าน จึงเก็บอาการป่วยไว้ ไม่กล้าบอก ไม่กล้าไปหาหมอ ครูฝึกบางนายบางครั้งก็ซ่อมตามอำเภอใจ อยากเรียกซ่อมด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ตอนกลางวันก็เรียน และทำงานไม่หยุด พอถึงวันที่จะได้พักกลับบ้านก็โดนซ่อม
แม้แต่การใช้โทรศัพท์ตั้งแต่เข้าไปตอนแรกก็ไม่ได้ใช้ เพราะทางโรงเรียนบอกว่ากลัวเด็กจะเอาไป “เหลี่ยม” คือลักษณะคล้ายกลัวไปแอบถ่ายอะไรแล้วเอาไปโพสต์ ทั้งที่ความเป็นจริงบางครั้งเราเรียนกฎหมายก็จำเป็นต้องเปิดโทรศัพท์ดู แต่ก็ไม่ให้ใช้ ทางบ้านติดต่อไม่ได้เลย เพื่อนบางนายแม่เสียยังติดต่อไม่ได้มาทราบภายหลังที่แม่เสียแล้ว บางวันก็ถูกแอบดักจับโทรศัพท์แล้วลงโทษไม่ให้กลับบ้าน 8 สัปดาห์ หากใครอยากกลับก็ต้องทำโครงการเพื่อออกไปข้างนอก ปกติก็จะได้ออกทุกสัปดาห์โดยเรียงลำดับตามหมายเลข สัปดาห์ละ 25 นาย เมื่อครบ 110 นายก็เริ่มนับ 1 ใหม่
ซึ่งมีครูบางนายก็แปลกมาก เมื่อเด็กถึงเวลาจะออกกลับบ้าน เอาเหตุผลว่า นักเรียนบางนายเหยียบสัตว์ตาย เช่นเหยียบจิ้กจกตาย เหยียบจิ้งหรีดตาย ก็โดนลงโทษไม่ให้กลับบ้าน ซึ่งตนเองเห็นว่ามันไม่ใช่..เด็กนักเรียนทุกนายสอบเข้ามาเพื่อมาเรียน จบแล้วจะได้ออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่เมื่อมาเจอสภาวะแบบนี้ทุกนายจะวางแผนชีวิตยังไง ชีวิตปั่นป่วน บางนายจองตั๋วก็ไม่ได้กลับ กลายเป็นประสาทกันหมด
สำหรับการฝึก นสต.เอ (นามสมมติ) เล่าว่าตั้งแต่เข้าไปก็ฝึกโดยครูฝึกบอกว่าเพื่อฝึกความอดทน ออกกำลังกายทุก 2-3 ชั่วโมง บางวันก็ยืนเรียนตากแดดตั้งแต่เที่ยงถึง 5 โมงเย็น โดยเฉพาะสองสัปดาห์แรกที่เข้าไป จนหัวลอกหัวไหม้เป็นสีแดง บ้างหัวบวมน้ำตัวไหม้ ตนดูแล้วว่าเป็นลักษณะผู้ใหญ่อยากเอาชนะกันแล้วเอาเด็กเป็นเบี้ย เช่นเวลาไม่พอใจก็มาซ่อมเด็กแล้วก็กำชับเด็กว่าให้เงียบ ห้ามฟ้อง เด็กก็กลัวโดนซ่อมก็เงียบ
“ซ่อมและออกกำลังกายจนไม่มีเวลาพักผ่อน เวลาเรียนก็ไปนั่งหลับในห้องเรียน อ้างว่าเป็นการฝึก คือผมมองว่าเข้าไปเรียนแล้วแทบไม่ได้ความรู้อะไรเลย จนบางครั้งถูกซ่อมและออกกำลังกายจนเป็นเอ๋อ ร่างกายสมองรับไม่ได้คือไปหมดแล้ว”
ส่วนสาเหตุที่ต้องหามเด็กส่ง รพ.กลางดึกคืนวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น นสต.เอเปิดเผยว่า มีนักเรียนนายหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครส่งข้อมูลให้เพจที่เกี่ยวกับตำรวจ ลงโพสต์เรื่องขอใช้โทรศัพท์เพราะเห็นว่ามีความจำเป็น แต่มีตำรวจเห็นจึงมีการลงโทษ หรือแดกเด็กทั้งรุ่นตั้งแต่วันจันทร์ โดนเริ่มลงโทษให้วิดพื้น จิงโจ้ โชเดอร์เพลส กลิ้ง คลานศอกแมว ฯลฯ โดยแต่ละวันซ่อมตั้งแต่ 2 ทุ่มหลังเลิกเรียน 5 โมงเย็น ลากยาวไป 4 ชั่วโมง
ซึ่งเมื่อถูกลงโทษติดต่อกันหลายวัน กลางวันก็เรียนไม่ได้พัก กลางคืนถูกลงโทษ จนถึงวันพฤหัสบดีวันเกิดเหตุ ขณะที่ซ่อมไปประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่กำลังทำท่าลุกหมอบหลายร้อยรอบ ไม่ได้พัก ทำต่อเนื่องเรื่อยๆ เด็กร่วงไป 10 กว่านาย เป็นลม และชักจนน็อก ต้องเรียกรถ รพ.ห้างฉัตรมารับตัวเข้าแอดมิต 4 นาย โดยไม่มีการแจ้งผู้ปกครองทราบ และหลังจากนั้นเช้าวันศุกร์ก็รีบพาเด็กกลับ ศฝร.ทันที ซึ่งขณะนี้เด็กทั้ง 4 ยังมีอาการป่วยและบางนายออกไปพักที่บ้าน บางนายพักที่กองร้อย
“หากเราผลิตตำรวจแบบนี้ออกไปสู่สังคมผมคิดว่าด้วยความเก็บกดที่เด็กได้รับและฝังหัวก็จะได้ตำรวจบ้าๆ บอๆ ออกสู่สังคมแล้วจะไปรับใช้ประชาชนได้อย่างไร ถึงมีข่าวที่ไม่ดีออกมาไง คือหากถูกสั่งให้ทำงานหรือนายสั่งใช้งานในทางที่ไม่ชอบก็ใช้ง่าย สุดท้ายที่เดือดร้อนคือประชาชน เพราะถูกฝึกมาแบบนี้ ถูกให้รับฟังคำสั่งอย่างเดียว ต่อให้คำสั่งนั้นเราจะซวยก็ต้องทำ ห้ามคิดนอกกรอบ แบบนี้สังคม”
ล่าสุดทราบว่า พ.ต.อ.สุริยงค์ วุฒิ รรท.ผบก.ศฝร.ภ.5 สั่งให้ครูฝึกเขียนรายงานชี้แจงแล้ว ขณะที่เด็กนักเรียนก็กลัวจะถูกครูซ่อมหนักกว่าเดิม