ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แม่ค้าผลไม้โคราชโอดกระทบหนัก องุ่นไชน์มัสแคทขายไม่ออกเน่าทิ้งแล้วกว่าครึ่ง หลังมีข่าวตรวจพบสารพิษตกค้างสูงเกินค่ามาตรฐาน ลูกค้าหายเกลี้ยง ต้องลดราคาขายลงกว่า 70% เพื่อเร่งระบายสินค้าก่อนเน่าเสียหมดแต่คนซื้อก็ไม่มั่นใจ วอนรัฐช่วยเหลือ ชี้อาจหยุดขายองุ่นไชน์มัสแคทชั่วคราวหรือไม่สั่งมาขายอีกเลย
วันนี้ (26 ต.ค. 67) จากกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายต้านสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 พบสารพิษตกค้างสูงเกินค่ามาตรฐานถึง 95.8% ในองุ่นไชน์มัสแคท สุ่มเก็บตัวอย่างที่จำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผลการตรวจดังกล่าวสร้างความตกตะลึงในหมู่ผู้บริโภค ส่งผลให้ประชาชนทั่วประเทศเกิดความวิตกกังวลต่อความปลอดภัยในการบริโภคผลไม้ชนิดนี้ และหลีกเลี่ยงการซื้อองุ่นไชน์มัสแคทนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจแผงขายผลไม้ในตลาดเทิดไท อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าบรรยากาศในโซนจำหน่ายผลไม้นำเข้าที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะแผงจำหน่ายองุ่นไชน์มัสแคทที่ได้รับผลกระทบจากข่าวสารเคมีตกค้างอย่างรุนแรง หลายร้านพยายามดึงดูดลูกค้าด้วยการลดราคากระหน่ำจากราคาปกติถึง 70% โดยจากราคากิโลกรัมละ 250 บาท ลดเหลือเพียง 80-100 บาท แต่ถึงกระนั้นผู้บริโภคยังคงไม่กล้าเสี่ยงซื้อ
นางถาวร พรหมมี อายุ 58 ปี ผู้ค้าองุ่นไชน์มัสแคทในตลาดเทิดไท เปิดเผยด้วยความกังวลว่า ตั้งแต่ข่าวการตรวจพบสารพิษในองุ่นไชน์มัสแคทแพร่กระจายไปตามสื่อต่างๆ ทำให้ร้านของตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก สินค้าที่เคยขายได้ดีต้องเหลือค้างสต๊อกจนเกิดความเสียหาย องุ่นไชน์มัสแคทที่นำมาขายเน่าเสียไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือต้องเร่งระบายด้วยการลดราคาขายขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ลูกค้าก็ยังคงไม่มั่นใจ กลัวเรื่องความปลอดภัย จนทำให้ยอดขายตกต่ำและขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
นางถาวรกล่าวต่อว่า แม่ค้าผลไม้หลายรายรู้สึกเสียใจและเครียดอย่างมาก เพราะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ค้าในตลาดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสารพิษตกค้างในผลไม้แต่อย่างใด โดยปกติการนำเข้าองุ่นไชน์มัสแคทจะผ่านขั้นตอนการนำเข้าตามกฎหมายจากประเทศจีนและญี่ปุ่น ทว่าขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยกลับไม่ชัดเจน โดยไม่มีการตรวจสารตกค้างก่อนเข้ามาจำหน่ายในตลาด ทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ที่จริงแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าตั้งแต่ก่อนนำเข้ามาขายที่ประเทศไทย อย่างน้อยควรมีใบรับรองที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำเข้าและลูกค้า แต่อย่างทุกวันนี้ กลับกลายเป็นว่าผู้ค้าตามตลาดทั่วประเทศต้องเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งที่เราไม่สามารถควบคุมเรื่องคุณภาพของสินค้าจากต้นทางได้เลย" นางถาวรระบายความรู้สึก พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือและดูแลอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ผู้ค้าในตลาดเทิดไทหลายรายได้แสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า หากสถานการณ์นี้ยังไม่ดีขึ้น พวกเขาอาจต้องหยุดการจำหน่ายองุ่นไชน์มัสแคทชั่วคราว หรืออาจไม่สั่งเข้ามาจำหน่ายอีกเลย เนื่องจากต้องแบกรับความเสี่ยงต่อยอดขายและขาดทุนหนักกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าเน่าเสียที่ยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย จึงหวังให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องสารเคมีเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง และช่วยกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง