xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อโร่แจ้งความ! เจ้าลัทธิสีรุ้งประหลาด หลอกลงทุนหุ้นดิจิทัล ต้องกู้ยืมเงิน-ขายที่ดินสูญเกือบล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรีสะเกษ - ผู้เสียหายตัวจริงโร่แจ้งความ “อดีตพระกะรันยา” เจ้าเมือง “อมตะมหานคร” แห่งลัทธิสีรุ้งประหลาด ชักชวนหลอกลงทุนหุ้นดิจิทัล อ้างได้ผลตอบแทนสูง จนต้องไปกู้ยืมเงินและขายที่ดินมาร่วมลงทุน กลายเป็นหนี้สูญเกือบล้าน พยายามทวงถามแต่ไม่ได้เงินคืน พร้อมเปิดคลิปเสียงแฉ เจ้าเมืองโวเป็นการลงทุนใหญ่ระดับโลก และทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว อ้างกลุ่มตัวเองมีหลักทรัพย์เกือบ 50 ล้าน

วันนี้ (26 ต.ค. 67) จากกรณีที่มีกลุ่มที่ตั้งตนเป็นลัทธิประหลาด ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ลัทธิสีรุ้ง ตั้งเมืองใหม่ ใช้ชื่อ “อมตะมหานคร” อยู่ในพื้นที่บ้านกอกหวาน ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ใช้วิธีการล่อลวงให้ผู้คนหลงเชื่อเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกและนำเงินไปลงทุนด้วยความเต็มใจ นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรม การใช้คำพูด และบทสวดที่ดูประหลาดลามกอนาจาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหายโดยตรงร้องเรียนหรือแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น


ล่าสุดวันนี้ ที่ สภ.ปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ นางศรีสวัสดิ์ อินธนู อายุ 69 ปี ชาวตำบลโพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อ ร.ต.อ. สหภพ เขาวันกลาง พนักงานสอบสวน สภ.ปรางค์กู่ หลังทราบว่าได้มีญาติของสมาชิกในลัทธิสีรุ้งดังกล่าวที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ว่ามารดาของตัวเองได้ถูกชักจูงล่อลวงให้ไปกู้ยืมเงินและขายที่ดินเพื่อนำเงินไปให้กับเจ้าเมืองแห่งอมตะมหานคร โดยมี นางสาวพรพิมล ไชยชาญ ลูกสาวของ นางศรีสวัสดิ์ ผู้เสียหาย เดินทางมาร่วมแจ้งความด้วย


นางศรีสวัสดิ์ อินธนู อายุ 69 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมาตนได้เข้าไปร่วมทำบุญตั้งแต่ที่ตั้งลัทธิสีรุ้งแห่งนี้ยังเป็นที่พักสงฆ์เนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน ที่มี พระกะรันยา อินธนู ขณะนั้นเป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ กระทั่งเมื่อประมาณปี 2564 สถานที่แห่งนี้ถูกกวาดล้างและจับกุม และต่อมามีการก่อตั้งขึ้นใหม่อีกครั้งใช้ชื่อว่าเมือง “อมตะมหานคร” ตนยังเข้าไปร่วมทำบุญอีกเนื่องจากเป็นญาติกับ นายกะรันยา อินธนู หรืออดีตพระกะรันยา ซึ่งปัจจุบันตั้งตนเป็นผู้นำหรือเจ้าเมือง “อมตะมหานคร” และอีกอย่างตนเป็นคนที่ชอบทำบุญด้วย จึงเดินทางเข้าไปในลัทธินี้อยู่เป็นประจำ แต่เป็นลักษณะไป-กลับ ไม่ใช่ไปพักอาศัยอยู่ข้างในสถานที่แห่งนั้น

ต่อมาเมื่อปี 2566 นายกะรันยาได้ชักชวนตนให้ลงทุนหุ้นดิจิทัล โดยพูดจาโน้มน้าวอยู่ทุกวันขณะที่เข้าไปในลัทธิ จนสุดท้ายตนหลงเชื่อ แต่ตอนนั้นตนไม่มีเงิน จึงได้ไปยืมเงินญาติมาจำนวน 50,000 บาทเพื่อไปให้นายกะรันยา ซึ่งตนไม่ทราบว่าเอาเงินไปใช้ในจุดใด เห็นแต่ว่าจะเอาเงินไปใช้ภายในลัทธิแห่งนี้


นางศรีสวัสดิ์กล่าวต่อว่า ต่อมาตนได้แอบเอาโฉนดที่ดินไปฝากขายและได้เงินมาจำนวน 460,000 บาท และได้นำเงินจำนวน 400,000 บาท เข้าบัญชีผ่านตู้ฝากเงินอัตโนมัติ (ATM) ให้กับบัญชีของนายกะรันยาเพื่อนำไปลงทุน ซึ่งหลังจากนั้น ไม่นานลูกสาวของตนทราบเรื่องจึงได้หากู้หนี้ยืมสินไปไถ่ถอนที่ดินของตนคืนในราคา 560,000 บาท ซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเป็นจำนวนเงินถึง 100,000 บาท

ตั้งแต่เกิดเรื่องพยายามโทรศัพท์หานายกะรันยาอยู่หลายครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธ และเลื่อนการจ่ายเงินคืนให้มาตลอด และตนยืนยันว่านายกะรันยาเป็นคนชักชวนตนให้นำเงินไปร่วมลงทุนจริงด้วยตนเอง โดยตนหวังว่าจะได้เงินจำนวนนี้คืนจากนายกะรันยา เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้ที่ยืมมา 


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้รับคลิปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างนายกะรันยากับผู้เสียหาย ความยาว 26.43 นาที ซึ่งลูกสาวของผู้เสียหายได้โทร.ไปสอบถามทวงเงินของแม่คืน แต่กลับถูกชักชวนให้ไปร่วมทำงานและลงทุน โดยหากลงทุน 10,000 บาท จะได้ค่าตอบแทน 100,000 บาท ถ้าลงทุน 100,000 บาท จะได้ค่าตอบแทน 1,000,000 บาท ซึ่งได้บอกว่าเป็นงานใหญ่ เป็นงานระดับโลก ไม่ใช่การซื้อขายหุ้น ไม่ใช่คริปโตฯ หรือบิตคอยน์ เป็นการลงทุนกับแบงก์โลก กองทุนโลก หากสนใจจะลงทุนต้องมาหาเจ้าเมืองเพื่อให้เจ้าเมืองดำเนินการให้อย่างเดียว และบ่ายเบี่ยงว่าการดำเนินการของตัวเองนั้นอธิบายยาก


พร้อมทั้งยืนยันว่าทำแล้วได้เงินจริง เพราะเป็นเรื่องของแผ่นดินโดยมีการเอาประเทศไทยเป็นประกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านระบบรัฐบาล ระบบกษัตริย์ ซึ่งมีการทำมา 20 กว่าปีแล้ว มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกวัน มีการบอกค่าใช้จ่ายของแต่ละวัน แล้วแต่หลักทรัพย์ของผู้ลงทุน ซึ่งของทางเจ้าเมืองเป็นหน่วยงานรากหญ้าเล็กๆ ยังมีหลักทรัพย์อยู่ที่ 40 กว่าล้าน เกือบ 50 ล้านแล้ว พร้อมทั้งได้ชักชวนให้ลูกสาวผู้เสียหายมาร่วมลงทุนและมาทำงานกับเจ้าเมืองโดยยืนยันว่าจะได้รับค่าตอบแทนแน่นอน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.ปรางค์กู่จะได้เรียบเรียงข้อมูลรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่นายอำเภอปรางค์กู่จะมีการเรียกประชุมในวันจันทร์นี้ และรวบรวมข้อมูล เพื่อหามูลเหตุในเรื่องนี้ต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น