นครปฐม - กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 เข้าตรวจเยี่ยมการจัดโครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy) สำหรับผู้ต้องขังชายหญิง ภายในสถานพยาบาลเรือนจำกลางนครปฐม โดยเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่สุ่มตรวจหาเชื้อมะเร็งในลำไส้ใหญ่ วางเป้าหมายพบเร็วรักษาได้ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวระยะยาว
พล.อ.อ.สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 เป็นประธานในการเปิดโครงการโครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy) โดยมี นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมคณะแพทย์พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลนครปฐม เข้าร่วมในพิธี ภายในสถานพยาบาลเรือนจำกลางนครปฐม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมา
นายขวัญชัย สันติภราภพ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม กล่าวว่า โครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy) ซึ่งเรือนจำกลางนครปฐมได้ร่วมกับโรงพยาบาลนครปฐม กำหนดการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy) ซึ่งเป็นเรือนจำแห่งแรกและเรือนจำเดียวในประเทศไทยที่มีการตรวจด้วยวิธีพิเศษให้ผู้ต้องขังชายและหญิงภายในเรือนจำกลางนครปฐม เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แก่ผู้ต้องขัง ซึ่งหากตรวจพบจะได้มีการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ลดอัตราการเสียชีวิต สามารถคืนสุขภาพดีสู่สังคมภายหลังการพ้นโทษ ภายใต้โครงการพระราชดำริ โครงการราชฑัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และให้ผู้ต้องขังได้รับบริการสุขภาพตามแนวทางการพัฒนาระบบสุขภาพในผู้ต้องขัง
นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุด ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยจากการรายงานอุบัติการณ์ประจำปีของมะเร็งลำไส้ใหญ่ประชากรล่าสุด พบว่ามะเร็งที่พบมากอันดับ 3 ในเพศชาย และพบมากเป็นอันดับ 4 ในเพศหญิง ส่วนรายงานอุบัติการณ์ผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในปี 2557 พบในเพศชายเป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสามในเพศหญิง โดยมีตัวเลขที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้น
จากสถานการณ์การเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากอดีตที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ในเขต ทั้งนี้ เนื่องมาจากพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย หรือขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น หรือมีการรับประทานอาหารบางประเภทมากหรือน้อยเกินไป เช่นการบริโภคเนื้อแดง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจาก รวมถึงอาหารที่มีกากใยน้อย สิ่งนี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ทั้งสิ้น
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงและแนวทางในการดูแลป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่กล่าวไว้ ทางเรือนจำกลางนครปฐม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้ร่วมหารือกับโรงพยาบาลนครปฐมจัดทำโครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายของผู้สูงอายุระหว่าง 50 ถึง 70 ปี จำนวน 411 คน เข้าถึงการตรวจคัดกรองด้วยวิธีตรวจเลือดแฝงในอุจจาระ และถ้าผลการตรวจเป็นบวกจะทำการยืนยันด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาระบบป้องกันและควบคุมมะเร็ง โดยให้ความสำคัญต่อการตรวจคัดกรองในระยะแรก และค้นหาติ่งเนื้อชนิด adenomatous polyp เพื่อการรักษาและปกป้องที่ถูกต้องและทันท่วงที ลดการตาย และการรุกรามของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาในระยะยาว
พล.อ.อ.สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 กล่าวภายหลังรับฟังรายงานการดำเนินการ ว่า จากการกล่าวรายงานจะเห็นได้ว่าสภาวะด้านสุขภาพโดยเรื่องมะเร็งลำไส้ใหญ่ของผู้ต้องขังเรือนจำกลางนครปฐมมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือเพราะประชากรกลุ่มผู้ต้องขังมีโอกาสในการเข้ารับบริการด้านสาธารณสุขได้ยากกว่าประชาชนปกติ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่การส่องกล้อง (Colonoscopy) ในครั้งนี้มุ่งหวังว่าประชากรกลุ่มผู้ต้องขังจะได้รับการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง ส่งผลให้ผู้ต้องขังมีสุขภาพที่ดี ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า "การร่วมมือร่วมใจในการสร้างโอกาสแก่ผู้ก้าวพลาด และการหยิบยื่นกำลังใจให้แก่กันนี้ จะเป็นพลังพลังสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งสังคมไทยที่โอบอ้อมอารีและไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง"
จากนั้นกรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 ได้เข้าตรวจเยี่ยมโครงการภายในสถานพยาบาลเรือนจำกลางนครปฐม ซึ่งมีผู้ต้องขังชายหญิงเข้ารับการคัดกรองตรวจหาเชื้อโดยมีทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลเรือนจำนครปฐมและเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางนครปฐม ทำการคัดกรองหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงตามเป้าหมาย โดยมีการสอบถามถึงปัญหาด้านสุขภาพและให้กำลังใจสำหรับผู้ต้องขังที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ควบคุม ซึ่งจะเป็นการดำเนินการในการรักษาสุขภาพที่ดีก่อนเตรียมปลดปล่อยเพื่อไปใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง
ทั้งนี้ กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 ยังได้มีการเข้าตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆ สำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตและทางด้านจิตใจให้ผู้ต้องขัง เช่น โครงการฝึกฝีมือในการทำอาหาร โดยอาจารย์ขาบ สุทธิพงษ์ สุริยะ ผู้ออกแบบอาหารชื่อดัง ซึ่งได้เป็นวิทยากรและเป็นผู้ทำการฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขัง ภายในหน่วยสูทกรรม ซึ่งเป็นเรือนจำกลางนครปฐมเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศที่ได้รับ GMP ทำให้มีการผลิตอาหารคุณภาพที่สะอาดและครบด้วยโภชนาการให้ผู้ต้องขัง การฝึกอาชีพช่างเหล็ก ช่างไม้ การทำเบเกอรี่ รวมถึงการตัดเย็บและทอผ้าลายพื้นเมืองของจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้รับความนิยมและมียอดการสั่งจองเป็นจำนวนมากอีกด้วย