บุรีรัมย์- ยายรับไม่ได้โร่แจ้งตำรวจ หลานสาวป่วยออทิสติก โดนรุ่นพี่ ป.6 รวม 4 คนบุกตบถึงหน้าบ้านแถมถ่ายคลิปโพสต์โซเชียลฯ ประจานกล่าวหาแย่งผู้ชาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริงซ้ำทำให้หลานผวาไม่อยากไปเรียน ด้านมือตบอ้างไม่พอใจน้องมองหน้าเหมือนหาเรื่องยันไม่เกี่ยวเรื่องผู้ชาย รู้สึกผิดไม่รู้เป็นเด็กพิเศษ ผู้ปกครองพาไปขอโทษ ทนายอั๋นรุดเยี่ยมพร้อมช่วยเรื่องคดี
วันนี้ (22 ต.ค.67) นางสมนึก อายุ 57 ปี ชาวอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ และออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ช่วงใกล้บ่ายโมง มีนักเรียนหญิงชั้น ป.6 จำนวน 4 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาตบ ด.ญ.อันอัน อายุ 9 ขวบ หลานสาวของตัวเองซึ่งป่วยเป็นออทิสติก ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ป.4 ถึงที่ถนนหน้าบ้าน จนหน้าหลานบวมแดงแถมยังมีการถ่ายคลิปตอนที่ตบหน้าหลาน แล้วนำไปโพสต์ลงในโซเชียลฯ ใส่ข้อความในลักษณะประจานกล่าวหาว่าน้องแย่งผู้ชาย ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเพราะหลานป่วยออทิสติกพัฒนาการช้า ทำให้หลานเสื่อมเสียอับอาย ทั้งกระทบสภาพจิตใจหวาดกลัวไม่กล้าออกไปเล่นนอกบ้านและไม่อยากไปโรงเรียน
หลังทราบเรื่องแจ้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และผู้ใหญ่บ้านฝ่ายผู้ก่อเหตุทราบ และนัดมาพูดคุยกัน ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ป.6 ที่เป็นคนตบและอยู่ในเหตุการณ์ ก็มาพูดคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน แต่จากการสอบถามเด็กที่ก่อเหตุไม่ยอมบอกว่าตบน้องเพราะสาเหตุอะไร แต่ทางผู้ปกครองและเด็กนักเรียนฝ่ายที่ก่อเหตุทั้ง 3 คนขอโทษพร้อมจ่ายค่าทำขวัญให้หลานคนละ 500 บาท ตนเห็นว่าเป็นเด็กจึงไม่อยากเอาเรื่องเอาความ
แต่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนคนที่ถ่ายคลิปและโพสต์ประจานหลาน ไม่ได้มาพูดคุยที่บ้านผู้ใหญ่แจ้งแค่ทางโทรศัพท์ว่ายังไม่ว่าง หากจะเรียกเงินหรือค่าทำขวัญก็ให้ไปฟ้องเอา ตนได้ยินรู้สึกไม่พอใจ จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ทั้งกลัวว่าจะเกิดผลกระทบกับหลานสาวในภายหลังด้วยโดยเฉพาะสภาพจิตใจ เนื่องจากหลานเป็นเด็กพิเศษ เกรงว่าตอนเปิดเทอมหลานจะถูกรุ่นพี่แกล้งหรือทำร้ายอีก เพราะในคลิปเขาก็ขู่ว่าถ้าบอกใครเดี๋ยวจะโดนอีก อยากจะขอความเป็นธรรมด้วยเพราะหลานแค่ ป.4 และป่วยออทิสติกแต่ต้องมาเจออะไรรุนแรงแบบนี้
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถาม ด.ญ.เอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ป.6 ที่ปรากฏในคลิปว่าเป็นคนตบน้อง ป.4 ก็ยอมรับว่าเป็นคนตบหน้าน้องจริงตบไป 3 ครั้ง สาเหตุเพราะช่วงก่อนปิดเทอมตอนอยู่โรงเรียนน้องมองหน้าตนเองลักษณะเหมือนหาเรื่อง แล้วมีเพื่อนมาบอกว่าน้องนินทาลับหลังจึงไม่พอใจ จึงพาเพื่อนไปตบ แต่ตนไม่รู้ว่าน้องเป็นเด็กพิเศษหรือออทิสติก ซึ่งกรณีของตนเองทางผู้ปกครองก็ได้ไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองของน้องที่บ้านผู้ใหญ่บ้านแล้ว และมีการจ่ายค่าทำขวัญให้น้องคนละ 500 บาท รู้สึกผิดและได้ขอโทษน้องไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่เพื่อนเอาคลิปตอนที่ตนเองตบหน้าน้องและภาพนิ่งของน้องไปโพสต์ลงโซเชียล เป็นการตัดต่อคลิปไปลงในข้อความที่มีอยู่แล้ว ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้ชาย เป็นข้อความที่มีอยู่แล้วแค่ตัดคลิปไปใส่เท่านั้น แต่อยากจะขอโทษน้องในสิ่งที่ทำ
ด้านนางเจี๊ยบ (นามสมมติ) แม่ของน้องที่เป็นคนถ่ายคลิปและโพสต์ประจานน้อง บอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบเรื่องที่ลูกไปกับเพื่อนที่ไปตบหน้าน้อง ป.4 ที่ป่วยเป็นออทิสติก เพราะลูกสาวไม่เคยบอกอะไร และยิ่งมาทราบว่าลูกสาวเป็นคนถ่ายคลิปและโพสต์ประจานน้องอีก ก็รู้สึกเสียใจ พอรู้ก็ถามลูกสาวว่าเพราะสาเหตุอะไรเพื่อนถึงไปตบน้องแล้วทำไมต้องถ่ายคลิปโพสต์โซเชียล ลูกก็ไม่ยอมบอก
ส่วนตัวไม่เข้าข้างกับสิ่งที่ลูกกับเพื่อนกระทำและเสียใจ แต่ยังไม่ว่างที่จะไปพูดคุยกับผู้ปกครองของน้อง เพราะมีญาติมาจากต่างจังหวัดและติดงานบุญกฐิน แต่ตั้งใจว่าจะไปพูดคุยและขอโทษผู้ปกครองรวมถึงตัวน้องอยู่แล้ว และยืนยันว่าไม่เคยพูดหรือท้าให้ผู้ปกครองน้องที่ถูกจบไปฟ้องร้องหรือแจ้งความเลย แต่หากเขาแจ้งความแล้วก็พร้อมจะพาลูกไปพบตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ทำคาดว่าคงมีพฤติกรรมเลียนแบบในโซเชียล
ขณะที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น หลังทราบเรื่องได้เดินทางไปเยี่ยมยายและหลานที่ถูกกระทำ พร้อมระบุว่า รู้สึกหดหู่ใจที่เด็กวัยเพียงแค่ ป.6 จะมีพฤติกรรมรุนแรงและใช้สื่อโซเชียลฯ ในทางที่ผิด แต่สิ่งที่เป็นคือสภาพจิตใจของน้องที่ถูกกระทำ เพราะเป็นเด็กออทิสติก ซึ่งจะประสานทางนักจิตวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องสภาพจิตใจของน้อง เพราะเท่าที่สอบถามยายบอกว่าหลังเกิดเรื่องน้องไม่กล้าออกจากบ้าน และไม่อยากไปโรงเรียน อาจกลัวโดนกระทำซ้ำอีก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแล ส่วนเรื่องที่ยายไปแจ้งความก็ว่ากันไปตามกระบวนการ แต่อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย แต่หากไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องคดีตนก็พร้อมจะช่วย
