xs
xsm
sm
md
lg

สาวใหญ่ศรีราชาเกือบฆ่าตัวตายหลังกลายเป็นเหยื่อลงทุนดิไอคอนสูญ 2 แสน จนต้องรับจ้างล้างจาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ศูนย์ข่าวศรีราชา -
โผล่ต่อเนื่องเหยื่อดิไอคอน กรุ๊ป สาวใหญ่เมืองศรีราชาเกือบฆ่าตัวตายหลังสูญเงินเก็บกว่า 2 แสนบาทลงทุนขายสินค้าหวังเงินปันผลไว้ใช้ตอนแก่ สุดท้ายพบไม่เน้นขายของ เน้นหาคนเพิ่ม โชคดีได้กำลังใจจากลูกยื้อชีวิตกลับคืน ทุกวันนี้ต้องรับจ้างล้างจาน ส่วนลูกเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยหาเงินเข้าบ้าน 

วันนี้ (21 ต.ค.) นางษิตาพร อายุ 57 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเป็น 1 ในจำนวนผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับดิไอคอน กรุ๊ป ได้นำเอกสารเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุชาติ เจริญศรี สารวัตรสอบสวน สภ.ศรีราชา พร้อมบอกเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเริ่มรู้จักดิไอคอน จากการดูโฆษณาในทีวีเมื่อปี 2565 ว่ามีการเปิดคอร์สเรียนขายของออนไลน์ในราคาเพียง 98 บาท ซึ่งช่วงนั้นตนกำลังตกงานและต้องการหารายได้ จึงโทรศัพท์เข้าไปสอบถามและสมัครเข้าเรียน

แต่เมื่อเรียนได้เพียง 2 วันเริ่มถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนด้วยการเป็นสมาชิกขายของออนไลน์ในราคา 25,000 บาท ซึ่งการลงทุนในส่วนนี้เป็นเพียงการได้สินค้ามาเพื่อไว้กินไว้ใช้เท่านั้น แต่ตนต้องการทำธุรกิจจึงนำเงินเก็บจำนวนกว่า 2 แสนบาทไปลงทุนเกี่ยวกับการขายทางออนไลน์กับครูอ๊อฟ และสินค้าเป็นโกโก้มา 10 ลัง

“ตอนนั้นคิดว่าเรามีแม่ทีมมาเป็นครูพี่เลี้ยงน่าจะขายสินค้าได้จริงๆ แต่พอได้ของมากลับปรากฏว่าขายไม่ได้ เมื่อลองนำไปให้คนใกล้ตัวชิมบอกว่าโกโก้ขม ไม่อร่อย จึงพยายามเอาสินค้าไปแลกกับผู้ขายในกลุ่มด้วยกันได้คอลลาเจนมาขายสุดท้ายขายไม่ออกจนต้องยัดเยียดสินค้าให้คนที่รู้จักกันไปกินและไปทดลองใช้”

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดส่งไปยังสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี


นางษิตาพร ยังบอกอีกว่าเมื่อรู้ว่าบรรดาบอสต่างๆ ของดิไอคอน ถูกจับตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเพราะได้รับความเดือดร้อนเหมือนกับหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อและหลงเชื่อว่าผลประโยชน์ของดีลเลอร์คือการได้เงินปันผล  

“แต่ในวันที่เราโทรศัพท์ไปบอกกับบริษัทว่ายังขายของไม่ได้ ทางบริษัทบอกว่าไม่มีคนซื้อของในบริษัทเช่นกัน ซึ่งเราแปลกใจเพราะเห็นมีการออกประกาศว่ามีรายได้เป็นหลักพันล้าน และยังบอกว่าหากเราขายโกโก้ได้ 1 กล่องจะมีรายได้กล่องละ 5 บาท และเมื่อถึงสิ้นปีจะเอากำไรมาแบ่งกัน ซึ่งในปีแรกพอจะได้ปันผลจำนวน 3,000 บาท แต่พอปีที่ 2 ลูกมาขอค่าเทอมเรากลับไม่ได้เงินปันผลแม้แต่บาทเดียว”

นางษิตาพร ยังบอกอีกว่าตนไม่ใช่คนมีเงิน และเงินที่นำไปลงทุนคือเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้กินไว้ใช้ตอนแก่ ซึ่งผลจากการหลงเชื่อว่าเมื่อร่วมลงทุนแล้วจะได้ดี มีเงินใช้ตอนแก่ แม้แต่ลูกเตือนก็ไม่ฟัง ทำให้ในวันนี้ตนต้องออกมารับจ้างล้างจานและยังทำให้ลูกต้องออกมาเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยหาเงิน และสิ่งที่อยากได้ที่สุดคือเงินที่ลงทุนไปกลับคืน

“การลงทุนที่ผ่านมามีแต่เสียอย่างเดียวไม่ได้อะไรได้กลับคืนมาเลย เขาไม่เน้นขาย ไม่ช่วยเราขาย เขาเน้นให้คนเข้ามาเรียน ลูกสาวเตือนบอกให้หยุดเราก็ไม่เชื่อ ทุกวันนี้ยังโชคดีที่ได้ลูกช่วยปลอบใจไม่ให้คิดมาก ไม่อย่างนั้นคงฆ่าตัวตายไปแล้ว” นางษิตาพร กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น