ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เจ้าคณะอำเภอโนนศิลา จ.ขอนแก่นและเจ้าอาวาสวัดสว่างน้ำใส บ้านดอนหัน เผยพระมหาอุดรเป็นพระลูกวัดที่วัดภาษีเจริญแต่ต้องการมาพัฒนาวัดบ้านเกิด เงินโอนจากบอสพอลหลายแสนบาทต่อครั้งเข้าบัญชีส่วนตัว ทุกคนรู้แต่ไม่ติดใจ เพราะพระมหาอุดรจัดสร้างหลายอย่างให้วัด ทั้งพระมหาอุดรโกนผมให้บอสพอลเป็นรูปแรกสมัยบวชพระ และแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่ชีวิตจะได้รุ่งเรือง
กลายเป็นประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก กรณีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุลหรือบอสพอลแห่งดิไอคอนกรุ๊ป โอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวของพระมหาอุดร บุญชูหล้า อายุ 65 ปี วัดสว่างน้ำใส บ้านดอนหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น หลายครั้ง ครั้งละ 200,000-600,000 บาท เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในวัด ซึ่งผิดปกติวิสัยทั่วไปที่เงินทำบุญหรือเงินที่ญาติโยมทำบุญกับวัดต้องโอนเข้าบัญชีของวัดเท่านั้น ขณะที่พระมหาอุดรอ้างว่าโอนเข้าบัญชีส่วนตัวสะดวกต่อการเบิกมาใช้ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก
ล่าสุด พระครูสิริสังวรธรรม เจ้าคณะอำเภอโนนศิลา และเจ้าอาวาสวัดสว่างน้ำใส กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงไม่โอนเข้าบัญชีวัด แต่ปกติบอสพอลกับพระมหาอุดรนั้นเขารู้จักกัน มีการโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวของพระมหาอุดรเรื่อยๆ ซึ่งทุกคนก็จะทราบ แต่จะไม่ทราบว่าโอนให้จำนวนเท่าไหร่บ้าง แต่พระมหาอุดรก็มีการมาสร้างอะไรหลายๆ อย่างให้กับวัดสว่างน้ำใสแห่งนี้อยู่ตลอด
การสร้างพระทำบุญเป็นเงินมาจากเจ้าภาพที่ร่วมกันทำบุญผ่านมาทางพระมหาอุดร โดยทางบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป แต่ก็ไม่ได้มีใครติดใจหรือสงสัยว่าเงินมีเท่าไหร่ ได้เท่าไหร่ เพราะนำมาสร้างเรื่อยๆ การจัดซื้อจัดจ้างทางวัดจะไม่ทราบจำนวนด้วย และปกติจะมีการออกบิลตามระเบียบ ซึ่งทางพระมหาอุดรจะเป็นผู้รับผิดชอบคุยตกลงกับทางช่างเอง และจะมีการบอกด้วยวาจาว่าญาติโยมจะมาสร้างถวายสิ่งนั้นสิ่งนี้จะให้ลงตรงไหนก็จะมีการบอก หรือจะเปลี่ยนสายไฟก็มีการบอกก่อนว่าจะเปลี่ยน แต่เรื่องจำนวนเงินนั้นจะไม่มีใครทราบ มีแต่สาธุอนุโมทนาที่มีเจ้าภาพมาสร้างให้เท่านั้น
พระครูสิริสังวรธรรมกล่าวต่อว่า ปกติพระมหาอุดรจำพรรษาที่วัดปากน้ำภาษีเจริญมานานกว่า 30 พรรษาแล้ว และจะมาพัฒนาที่วัดสว่างน้ำใสซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด ไม่ใช่พระลูกวัดที่นี่ ในเรื่องการโอนเงินทำบุญของบอสพอลเข้าบัญชีส่วนตัวพระมหาอุดรนั้นจึงไม่ได้เกี่ยวกับทางวัดสว่างน้ำใสโดยตรง แต่ก็จะทราบเพียงว่าใครทำบุญด้วยบ้าง จะเป็นเจ้าภาพมาสร้างอะไรถวายวัดบ้าง การชี้แจงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องชี้แจงกับทางวัดสว่างน้ำใส เป็นเพียงเจ้าของสถานที่ที่ได้รับการถวายจากเจ้าภาพผ่านทางพระมหาอุดร
ส่วนกฐินที่บอสพอลมาทอดถวายเมื่อปีก่อนได้เงิน 1.3 ล้านบาทนั้นก็นำมาสร้างฝ้าเพดานในศูนย์ปฏิบัติธรรมในวัด โดยทราบจากช่างที่มาทำว่ามีบริษัทใหญ่คอยอุปถัมภ์พระมหาอุดรทำบุญด้วยตลอด แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่าเป็นบริษัทอะไร กระทั่งพระมหาอุดรโทรศัพท์มาบอกขอยกเลิกกฐินจากเจ้าภาพปีก่อน ก่อนจะมาทราบว่าเป็นกฐินจากบอสพอล เจ้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จึงเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงยกเลิกไปจากข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ
ด้านนายอภิชัย สุดโต ผู้ใหญ่บ้านบ้านวังยาว หมู่ 5 กล่าวว่า ตนเองได้เคยสอบถามเจ้าคณะอำเภอโนนศิลาซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสว่างน้ำใส ว่าทำไมหลวงพ่อไม่ใช้บัญชีธนาคารวัด โดยเจ้าอาวาสบอกว่าคนที่มีสิทธิ์เบิกนั้นอายุมากแล้ว ทำให้ไม่สะดวก จึงให้ผ่านทางพระอาจารย์มหาอุดรเลยเพราะเป็นคนบ้านวังยาวจึงมีความเชื่อใจ การมาทอดกฐินปีที่ผ่านมานั้น ที่ได้เงิน 1.3 ล้านบาท แบ่งมาจ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ 68,000 บาท ให้ตนเองถือเงิน 100,000 บาท แต่ละครั้งที่มีญาติโยมโอนเงินเข้าบัญชีพระมหาอุดรนั้นจะไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่จะมีการแจ้งกับทางเจ้าคณะอำเภอว่าจะมีการสร้างอะไรบ้างในวัดสว่างน้ำใส
ในฐานะที่ตนเป็นผู้นำชุมชนและเป็นกรรมการวัดก็เพียงแต่รับทราบเท่านั้นว่าจะดำเนินการทำอะไรบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำที่ไม่มีบัญชีรายรับรายจ่าย เพราะที่ผ่านมาตามวิถีชีวิตในหมู่บ้านก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะทั้งช่างทั้งพระต่างเป็นคนในหมู่บ้านทั้งหมด แต่ในวัดพระมหาอุดรจะเป็นพระนักพัฒนาที่มาสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดหลายอย่างทั้งเรื่องไฟฟ้า เรื่องน้ำ เรื่องสถานที่ การชี้แจงเรื่องเงินนั้นนานๆ ทีจะมีการแจงว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพระมหาอุดรกับบอสพอลนั้น ส่วนตัวเคยถามและพระมหาอุดรเล่าให้ฟังว่าบอสพอลเคยมาบวชในวัดที่กรุงเทพฯ และพระมหาอุดรเป็นผู้โกนผมให้รูปแรก และบอสพอลคุยกับคณะที่มาทอดกฐินเมื่อปีที่แล้วบอกว่าพระมหาอุดรแนะนำให้บอสพอลเปลี่ยนชื่อจะได้เจริญรุ่งเรือง ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นตนเองไม่ทราบเลย