เชียงใหม่ - ชาวบ้านท้ายซอยชุมชนบ้านเด่นพัฒนาวอนเทศบาลนครเชียงใหม่ยื่นมือช่วยจัดเก็บขยะและเศษซากความเสียหายกองโต หลังบ้านถูกน้ำท่วมจมมิด 2 เมตรแทบหมดตัว ไร้ปัญญาจ้างรถกระบะขนออกไปทิ้งเที่ยวละ 1,000 บาท พร้อมชี้เงินเยียวยาหลังละ 9,000 บาทแค่เสี้ยวของทรัพย์สินสูญเสีย แต่ยังดีกว่าไม่ได้
วันนี้ (16 ต.ค. 67) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า แม้สถานการณ์น้ำท่วมหนักในเขตตัวเมืองเชียงใหม่จะคลี่คลายจนเกือบกลับสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่าประชาชนจำนวนมากยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนอยู่อาศัยที่แทบจะกลายเป็นซากปรักหักพัง เต็มไปด้วยดินโคลนและขยะกองโตที่รอการฟื้นฟูจัดเก็บ โดยพบว่าเจ้าของบ้านเรือนจำนวนมากที่ตั้งอยู่ท้ายซอยในชุมชนบ้านเด่นพัฒนา ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกที่หนึ่งที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากและพยายามเก็บกวาดข้าวของทรัพย์สินที่เสียหายจากการที่ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมสูงประมาณ 2 เมตร จนแทบจะมิดหลังคาบ้านและทรัพย์สินเสียหายเกือบทั้งหมด รวมทั้งมีสิ่งปฏิกูล ขยะมูลฝอย และเศษซากต่างๆ ถูกน้ำพัดพามาทับถมทั่วบริเวณ
อย่างไรก็ตาม เกิดปัญหาและอุปสรรคอย่างมากกับเจ้าของบ้านเรือนกลุ่มนี้ที่อยู่ท้ายซอย จนทำให้ยังไม่สามารถจัดเก็บออกไปได้ เนื่องจากทางเทศบาลนครเชียงใหม่กำหนดที่จะจัดเก็บขยะเฉพาะที่วางกองอยู่บนถนนเส้นหลักเท่านั้น และกำหนดให้ประชาชนที่อยู่ในตรอกซอกซอยต้องขนย้ายนำขยะไปทิ้งเองที่แขวงกาวิละ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยากลำบาก เพราะปริมาณขยะมีจำนวนมากและทางเข้าออกซอยยังเต็มไปด้วยดินโคลน โดยเจ้าของบ้านบางหลังที่พอมีกำลังทรัพย์ต้องใช้วิธีการจ้างรถยนต์กระบะขนย้ายขยะออกไปทิ้งในราคาเที่ยวละ 1,000 บาททั้งที่อยู่ห่างจากบ้านไปเพียงประมาณ 200 เมตรเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเงินจ้าง และไม่มีรถยนต์กระบะ รวมทั้งเป็นผู้สูงอายุและคนมีรายได้น้อย จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานเกี่ยวข้องยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือด้วย
ทั้งนี้ นายสมพงศ์ วิชัยสิงห์ ผู้ประสบอุทกภัยชุมชนบ้านเด่นพัฒนา เปิดเผยว่า เจ้าของบ้านที่อยู่ท้ายซอยมีนับสิบหลัง ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 2 เมตรจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งหลังน้ำลดลงแล้วยังเดือดร้อนต่อเนื่องจากขยะและเศษซากความเสียหายกองโตที่ต้องจัดเก็บออกไป เพราะมีจำนวนมากมายเกินกำลังและไม่มีเงินที่จะจ้างรถกระบะให้มาช่วยขนออกไปทิ้งตามจุดที่กำหนด จึงอยากวิงวอนให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือด้วย ขณะที่ในส่วนของเงินเยียวยาเหมาจ่ายบ้านละ 9,000 บาทนั้น มองว่าไม่เพียงพอต่อทรัพย์สินที่เสียหายและการขาดรายได้จากการออกไปทำมาหากินไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
