เชียงใหม่ - ชาวบ้าน 7 โซนเสี่ยงน้ำท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ เร่งมือตั้งแนวกระสอบทรายและขนย้ายข้าวของหนีน้ำ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์แม่น้ำปิงล้นตลิ่งเข้าท่วมซ้ำ แถมมวลน้ำมากกว่าเดิม ชลประทานชี้ท่วมแน่ ล่าสุดช่วงเย็นพบระดับน้ำสูงเกิน 4.2 เมตร และไหลเข้าท่วมบางจุดแล้ว คาดพุ่งสูงสุดถึง 4.95 เมตร ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. คืนนี้
ช่วงเย็นวันนี้ (3 ต.ค. 67) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ระดับน้ำในแม่น้ำปิง ช่วงไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดตรวจวัดระดับน้ำ P.1 เชิงสะพานนวรัฐ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลา 18.00 น. อยู่ที่ 4.33 เมตร ซึ่งสูงกว่าระดับวิกฤตที่ 3.70 เมตร และสูงกว่า 4.20 เมตร ที่เป็นระดับที่รองรับป้องกันน้ำล้นตลิ่งได้จากการที่เทศบาลนครเชียงใหม่ทำการเสริมแนวตลิ่งและพนังกั้นน้ำเพิ่มตั้งแต่หลังเหตุน้ำท่วมเมื่อหลายปีที่แล้ว โดยน้ำที่เพิ่มระดับสูงขึ้นดังกล่าวส่งผลทำให้เริ่มมีน้ำเอ่อล้นไหลเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำตลอดแนวลำน้ำแล้วหลายจุด
ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 และนายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่จุดตรวจวัดระดับน้ำ P.1 เชิงสะพานนวรัฐ พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ระดับน้ำที่ P.1 อยู่ที่ 4.20 เมตร ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ส่งผลทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำปิงบางจุดที่เป็นจุดโหว่เกิดน้ำเอ่อล้นขึ้นมาท่วมตามบ้านเรือนและถนนบางแห่ง
ทั้งนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมยังคงคาดการณ์ว่าในเวลา 02.00 น.ของคืนนี้ ระดับน้ำที่จุด P.1 จะขึ้นสูงสุดที่ 4.95 เมตร โดยที่จุดตรวจวัดระดับน้ำ P.67 บ้านแม่แต อำเภอสันทราย จะขึ้นสูงสุดในช่วงเวลา 20.00-21.00 น.คืนนี้ ซึ่งขอแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมเขตตัวเมืองเชียงใหม่ทั้ง 7 โซนยกข้าวของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะโซนที่ 1, 2 และ 3
รายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดทั้งวันนี้ประชาชนในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีบ้านเรือนพักอาศัยและร้านค้าตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ต่างพากันเตรียมพร้อมป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเร่งด่วน โดยการนำกระสอบทรายวางเรียงตั้งเป็นแนวกัน ทั้งย่านไนท์บาซาร์, ถนนช้างคลาน หรือถนนเจริญราษฎร์ เป็นต้น ซึ่งพบว่าหลายรายเพิ่งถูกน้ำท่วมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและยังไม่ทันทำความสะอาดฟื้นฟูให้แล้วเสร็จ แต่กลับต้องมาเตรียมรับมือกับน้ำท่วมรอบใหม่ โดยในรอบนี้คาดว่ามวลน้ำอาจจะมากกว่ารอบที่แล้วด้วย
