บุรีรัมย์ - หนุ่มก่อสร้างชาวบุรีรัมย์สุดช้ำใจถูกเพื่อนร่วมงานหลอกล่อใช้ชื่อซื้อดาวน์รถฟอร์จูนเนอร์ ราคากว่า 1 ล้านให้ แต่ไม่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญา สุดท้ายโดนฟ้องบังคับคดีส่งหมายจ่อยึดบ้านขายทอดตลาด ทำให้แม่ชราอายุ 95 ปีเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัย ทนายอั๋นพาเข้าแจ้งความเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง เตือนอย่าไว้ใจไปค้ำหรือออกรถให้ใคร จะเดือดร้อนสูญเสียทรัพย์สิน
วันนี้ (3 ต.ค. 67) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น” ได้พา นายยอด ฉาไธสง อายุ 56 ปี ชาวตำบลบ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.พุทไธสง หลังถูกเพื่อนร่วมงานหลอกล่อให้ใช้ชื่อซื้อดาวน์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มือสองที่เต็นท์ขายรถมือสองแห่งหนึ่งใน จ.สมุทปราการ ราคารวมดอกเบี้ยกว่า 1 ล้านบาท เมื่อปี 2559 หลังจากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละจังหวัด ต่อมาปี 2563 โดนบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องเนื่องจากเพื่อนที่หลอกให้ใช้ชื่อดาวน์รถไม่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญา โดยมีหมายศาลส่งมาที่บ้านแต่ตอนนั้นนายยอดยังตระเวนทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด มีเพียงแม่วัย 95 ปี อยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ออก จึงไม่รู้ว่าถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้อง
กระทั่งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาน้องสาวโทรศัพท์ไปบอกขณะตนทำงานก่อสร้างอยู่ จ.มหาสารคาม ว่ามีหมายบังคับคดีส่งมาที่บ้านว่าจะยึดที่ดินพร้อมบ้านที่แม่ชราวัย 95 ปีอาศัยอยู่ เพราะบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวแม่ได้ยกให้เป็นชื่อของตนเองแล้ว ก็ตกใจรีบเดินทางกลับมาบ้าน เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากในหมายบังคับคดีระบุว่าจะประกาศขายทอดตลาดบ้านและที่ดิน นัดแรกในวันที่ 6 พ.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากที่ดินและบ้านหลังดังกล่าวถูกยึด ทั้งแม่ ตนเอง ภรรยา และลูกก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากทนายอั๋น และนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.พุทไธสง เพื่อให้เอาผิดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องที่หลอกให้ตนเองใช้ชื่อซื้อรถคันดังกล่าว และแสดงความรับผิดชอบ
นายยอดเล่าว่า ตอนไปทำงานก่อสร้างที่ จ.สมุทรปราการ นายน้อย ซึ่งทำงานที่เดียวกันได้ประมาณ 1 ปีเศษก็แนะนำให้รู้จักกันนายจิ๋ว และนายอำนาจ ซึ่งเป็นเพื่อนของนายน้อยอีกที ก็มานั่งดื่มเหล้ากัน 4-5 ครั้ง นายน้อยบอกว่านายจิ๋ว อยากได้รถ แต่ไม่สามารถซื้อเป็นชื่อตัวเองได้ หลอกล่อให้ตนเองใช้ชื่อซื้อให้ ด้วยความไว้ใจและนายจิ๋วรับปากว่าจะผ่อนชำระเองไม่ทำให้เดือดร้อน จึงยอมใช้ชื่อตัวเองซื้อดาวน์รถให้ โดยใช้ชื่อของภรรยานายอำนา ค้ำประกันให้ ซึ่งตนไม่ได้ค่าตอบแทนในการใช้ชื่อซื้อรถแม้แต่บาทเดียวแค่ความไว้ใจเท่านั้น จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานไม่ได้เจอกันอีก นานๆ ครั้งจะติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้าง ต่อมาปี 62 นายจิ๋วที่เป็นคนเอารถไปใช้ ก็ส่งเอกสารบันทึกข้อตกลงมาให้ตนเองดู ว่าได้จ่ายเงินให้ภรรยานายอำนาจ 300,000 บาท เพื่อให้รับผิดชอบค่างวดที่เหลือ ตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มารู้อีกทีตอนมีหมายบังคับคดีจะยึดบ้านและที่ดินแล้ว
ขณะที่ทนายอั๋นบอกว่า กรณีลักษณะนี้เคยมาร้องให้ช่วยเหลือหลายคน ส่วนมากก็จะเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจไปค้ำประกัน หรือใช้ชื่อดาวน์รถให้ แต่สุดท้ายก็โดนฟ้องเพราะคนที่เอารถไปใช้ไม่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญา แต่กรณีนี้ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเพราะสงสารยายชราอายุกว่า 90 ปีซึ่งเป็นแม่ของผู้ถูกฟ้อง ที่ถูกเพื่อนหลอกให้ใช้ชื่อซื้อรถก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย เบื้องต้นแนะนำให้ไปเดินเรื่องกับทางบังคับคดีตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้บ้านถูกยึด และไปแจ้งความเพื่อสอบสวนเอาผิด บุคคลที่เกี่ยวข้องที่หลอกให้ดาวน์รถให้จนทำให้ถูกฟ้อง อยากจะฝากถึงประชาชนทั่วไปว่าอย่าไปเชื่อใจค้ำประกันหรือใช้ชื่อซื้อรถให้ใคร เพราะสุดท้ายจะเดือดร้อนเอง
