บุรีรัมย์- ปชช.กลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรคนจนที่จ.บุรีรัมย์ แห่ถอนเงินหมื่นแถวยาวเหยียดล้นถึงถนนจนเงินหมดตู้ จนท.ต้องเติมถึง 2 รอบ พบปัญหาหลายคนยังไม่ผูกพร้อมเพย์ และบัตร ATM หมดอายุ ทำให้เสียเวลาทำใหม่ ตา 74 ถือนั่งสองแถวมารอกดแต่เช้าแต่บัตรหมดอายุต้องรอคิวทำใหม่ ชาวบ้านหวั่นหลังเงินหมื่นออกจะฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าทำให้เดือดร้อนอีก
วันนี้ (26 ก.ย.67) บรรยากาศที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาบุรีรัมย์ ได้มีประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากหลายตำบลในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอใกล้เคียง แห่นำบัตร ATM และสมุดบัญชีเงินฝาก มาต่อแถวเพื่อรอถอนเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลโอนเข้าบัญชีตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 กันยาวเหยียดจนล้นมาถึงถนนตั้งแต่เช้า โดยส่วนใหญ่จะถอนทั้งหมด 10,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ซื้อปุ๋ยใส่นาข้าว และชำระหนี้นอกระบบที่กู้ยืมใช้จ่าย ซึ่งส่วนมากบอกว่าดีใจที่รัฐให้เป็นเงินสดจะได้สะดวกในการใช้จ่าย
จากจำนวนประชาชนมาถอนเงินที่ตู้ ATM ของ ธ.ก.ส.สาขาบุรีรัมย์จำนวนมากทำให้บางตู้เงินหมด เจ้าหน้าที่ต้องนำมาเติมเพิ่มอีก โดยคาดว่าวันนี้น่าจะเติม 2 ครั้ง ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตร ATM เจ้าหน้าที่ก็ตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกให้เขียนใบเบิกถอนด้านนอก ก่อนถือสมุดและใบเบิกถอนที่เขียนเสร็จแล้วไปรอคิวถอนด้านในธนาคาร เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น
ปัญหาที่พบประชาชนบางคนยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ เงินจึงยังไม่เข้าบัญชี เจ้าหน้าที่ต้องทำการผูกพร้อมเพย์ให้เพื่อรอรับโอนเงินตามกำหนดรอบต่อไป แต่บางคนถือบัตร ATM มาต่อแถวรอแต่เช้า แต่พอถึงจะถอนเงินกลับถอนไม่ได้เพราะบัตรหมดอายุ จึงต้องรอคิวเพื่อทำบัตร ATM ใหม่
อย่างเช่น คุณตาวีระ ดีพร้อม อายุ 74 ปี ชาวบ้านม่วงใต้ ม.8 ต.พระครู ซึ่งนั่งรถสองแถวมาเข้าคิวรอตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่พอถึงคิวให้เจ้าหน้าที่ช่วยใช้บัตร ATM กดถอนเงินให้ แต่พบว่าบัตรหมดอายุ คุณตาจึงยังไม่สามารถถอนเงินได้ แต่คุณตา ก็ยอมไปต่อคิวเพื่อทำบัตร ATM ใหม่ เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะถอนเงินไปใช้จ่ายซื้อข้าวสาร อาหารแห้งไว้บริโภคในครัวเรือน เพราะตนเองไม่มีรายได้อะไรมีเพียงเบี้ยคนชราเดือนละ 700 บาท และลูกที่ทำงานต่างจังหวัดส่งมาให้บ้าง จึงตั้งใจจะนำเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลช่วยไปซื้อของไว้กินไว้ใช้
ด้าน นางกองทอง ศรีตะวัน อายุ 64 ปี ชาวบ้าน ต.กลันทา บอกว่า ดีใจที่ได้รับเงิน 10,000 บาท วันนี้ตัดสินใจถอนออกทั้งหมด เพื่อนำไปซื้อข้าวสารตุนไว้บริโภคในครัวเรือน เนื่องจากครอบครัวไม่ได้ทำนาต้องซื้อข้าวสารกินเอง ปกติมีอาชีพปลูกผักขายแต่หลังเศรษฐกิจย่ำแย่ก็ขายไม่ค่อยได้ ตั้งใจเอาเงินนี้ไปซื้อข้าวสารไว้กิน ไว้เป็นทุนซื้อปุ๋ยปลูกผักขาย แต่สิ่งที่กังวลคือเกรงว่าพอชาวบ้านได้รับเงิน 10,000 บาทแล้ว สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ จะทยอยปรับขึ้นราคาซึ่งจะซ้ำเติมชาวบ้าน ก็อยากให้รัฐบาลควบคุมไม่ให้สินค้าขึ้นราคาอีก