ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการโคราชแห่ถอนเงิน 10,000 บาทโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลคึกคักต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ลุงชาวไร่มันเผยเอาเงินไปใช้หนี้และซื้อปุ๋ยซื้อยาปลูกมัน เหลือเงิน 2,000 บาทไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะ ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา สำรองเงินสดกว่า 35 ล้านรองรับ ปชช.มาใช้บริการราว 3,500 คน มั่นใจเพียงพอ
วันนี้ (26 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการได้เดินทางมาธนาคารต่างๆ เพื่อเบิกถอนเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลโอนเข้าบัญชีผู้มีสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ต่อเนื่องเป็นวันที่สองกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขานครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการเดินทางมารับเงิน 10,000 บาทกันเป็นจำนวนมาก หลายคนที่มีบัตร ATM ได้ยืนต่อคิวเพื่อรอกดเงินที่ตู้ ATM เป็นแถวยาวเหยียด ขณะที่ในกลุ่มของผู้ที่ไม่มีบัตร ATM ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่บริการเบิกถอนเงินไว้ด้านข้างอาคารสำนักงาน ซึ่งวันนี้เป็นกลุ่มผู้ที่มีบัตรประชาชนลงท้ายด้วยหมายเลข 1, 2 และ 3 ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยจากข้อมูลในวันแรกพบว่า ประชาชนจะพากันเบิกเงินออกมาทั้งหมด 10,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
นายสริท ยงยุทธ อายุ 75 ปี ชาว ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง มีรายได้ทางเดียวคือต้องขุดมันสำปะหลังไปขายเท่านั้น ดังนั้น ระหว่างที่รอขุดมันขายก็ได้เพียงเงินผู้สูงอายุเท่านั้น เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเงินที่รัฐบาลโอนมาให้ 10,000 บาทนี้จะนำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมเพื่อนบ้านมา และนำไปใช้ซื้อปุ๋ยซื้อยาในการปลูกมันสำปะหลัง เหลือประมาณ 2,000 บาทจะเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าเงินส่วนนี้สามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนได้เป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ให้เงินส่วนนี้มาทำให้ตนเองมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ด้าน นายวันชัย บำรุงเกาะ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา เปิดเผยว่า สำหรับวันแรกมีประชาชน เฉพาะผู้ที่มาใช้บริการเบิกเงิน 10,000 บาทที่ ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา กว่า 320 คน เป็นมูลค่าเงินกว่า 3,200,000 บาท ยังไม่รวมกับที่มากดเงินในตู้ ATM ซึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า 2,000,000 บาท โดยทาง ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา ได้สำรองเงินสดไว้สำหรับประชาชนที่จะมาเบิกเงิน 10,000 บาทตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประมาณ 35 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการที่สาขาแห่งนี้ประมาณ 3,500 คน จึงมั่นใจได้ว่ามีเงินสำรองไว้เพียงพออย่างแน่นอน