xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) ตำรวจหนองคายยึดไอซ์ล็อตใหญ่ 489 กิโลฯ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงยึดไอซ์ล็อตใหญ่กว่า 489 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
หนองคาย - ตำรวจเมืองหนองคายตรวจจับไอซ์ซ่อนในรถเก๋ง หนักกว่า 489 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท พร้อมขยายผลตามรวบได้ผู้ต้องหา 3 คน อยู่ระหว่างล่าตัวอีก 3 คน คาดเตรียมนำเข้าพื้นที่ชั้นใน


                         

วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม สภ.เมืองหนองคาย นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สส.ภ.จ.หนองคาย, พ.อ.สุภัทร ชูตินันท์ รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย และฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายนวพล เพื่อก่ำ, นายธนพล เชื้อทอง และนายปณิธาน จำปาเทศ ของกลางเป็นไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกพิมพ์ลายให้เข้าใจว่าเป็นชาสำหรับชงดื่ม จำนวน 489 ถุง น้ำหนัก 489 กิโลกรัม มูลค่าของกลางประมาณ 200,000,000 บาท และรถยนต์ 3 คัน ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกมูลค่า 3,000,000 บาท


การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในตำบลค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย จึงไปตรวจสอบ แต่เมื่อไปถึงไม่พบเหตุทะเลาะวิวาท และไม่พบผู้เข้าพักในรีสอร์ต พบเพียงรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน ฎฎ 8109 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าห้องพัก


เจ้าหน้าที่สังเกตว่ารถมีพิรุธ มีร่องรอยการเฉี่ยวชนหลายจุด และยังพบกระสอบหลายใบอยู่ภายในรถ จึงได้เปิดรถออกดู ก็พบว่าเป็นกระสอบสีดำ 13 ใบ บรรจุห่อชาอยู่เต็มกระสอบ จึงประสานพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 (ไอซ์) จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน โดยติดตามจับกุมได้ 3 คน ส่วนอีก 3 คนอยู่ระหว่างติดตามตัว


เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป


กำลังโหลดความคิดเห็น