เชียงใหม่ - น้ำป่าไหลหลากท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ริมยังอาการหนัก ป้าเจ้าของบ้านริมน้ำแม่ริมที่ถูกน้ำซัดพังครืนหายไปทั้งหลังเปิดใจแทบล้มทั้งยืนเพราะเพิ่งกู้เงินมาสร้างอยู่ได้ 3 ปีกว่า และยังไม่ทันใช้หนี้หมด แต่โชคดีที่รอดชีวิต เผยอยู่มาตั้งแต่เกิดนานกว่า 60 ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ลั่นไม่ขอกลับไปสร้างบ้านอยู่ที่เดิมอีกแล้ว ขณะที่ล่าสุดพบบ้านใกล้เคียงทรุดตัวเพิ่มอีก 1 หลัง และอีกหลายหลังมีความเสี่ยง จนเจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นพื้นที่และให้ผู้อาศัยย้ายไปที่ปลอดภัย
วันนี้ (24 ก.ย. 67) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงรุนแรงต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะช่วงคืนที่ผ่านมาทำให้เช้าวันนี้พื้นที่หลายตำบลยังคงถูกน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ต่างระดมกำลังเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยในพื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านทรายมูล ตำบลริมใต้ ซึ่งช่วงเย็นวานนี้เกิดเหตุบ้านหลังหนึ่งถูกน้ำไหลหลากเซาะตลิ่งจนทรุดและบ้านพังทลายหายไปทั้งหลังพร้อมกับกระแสน้ำนั้น พบว่าชาวบ้านในพื้นที่ยังคงอยู่ในอาการหวาดผวาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีก เนื่องจากกระแสน้ำในลำน้ำแม่ริมที่ไหลผ่านยังคงเชี่ยวกรากรุนแรง และมีฝนตกตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา รวมทั้งช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาได้เกิดเหตุบ้านหลังที่อยู่ใกล้เคียงกันเกิดการทรุดตัวและรอยร้าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่และให้ผู้พักอาศัยย้ายออกพร้อมขนย้ายทรัพย์สินไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ นางมุกดา วงศ์นาค อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 8 หมู่ 8 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ถูกน้ำไหลหลากเซาะตลิ่งจนทรุดและบ้านพังทลายหายไปทั้งหลังพร้อมกับกระแสน้ำช่วงเย็นวานนี้ (23 ก.ย. 67) เปิดเผยว่า วานนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น.น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเริ่มเซาะตลิ่งและฐานของตัวบ้านจนค่อยๆ ทรุด จึงได้รีบเข้าไปขนย้ายข้าวของออกมาจากบ้าน จากนั้นเมื่อผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวบ้านเริ่มแตกร้าวและมีเสียงดังลั่น จึงต้องรีบออกมาจากบ้าน โดยที่ยังมีข้าวของเหลืออยู่อีกหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งแอร์ และตู้เย็น เป็นต้น ซึ่งหลังจากที่ออกมาได้เพียงไม่นานตัวบ้านก็ทรุดและพังครืนลงไปทั้งหลังต่อหน้าต่อตา
ขณะเดียวกัน นางมุกดาบอกว่า นาทีที่บ้านพังครืนลงทั้งหลังและถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากพัดหายไปนั้น ตัวเองหัวใจสลายและแทบจะเป็นลมล้มพับลงไป เพราะบ้านหลังนี้เพิ่งสร้างใหม่และอยู่อาศัยมาได้เพียงประมาณ 3 ปีกว่าเท่านั้น โดยที่กู้เงินมาสร้างแทนบ้านหลังเดิมที่อยู่มาตั้งแต่เกิดและยังใช้หนี้ไม่หมดเลย ซึ่งตั้งแต่ที่เกิดและอยู่อาศัยบ้านที่สร้างบนที่ดินผืนนี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ รวมทั้งไม่เคยเห็นน้ำมากและไหลเชี่ยวกรากรุนแรงเท่านี้มาก่อนในชีวิต ขณะที่หลังจากนี้คงต้องย้ายไปหาที่อยู่ใหม่เพราะที่ดินซึ่งเป็นโฉนดถูกน้ำซัดหายไปเกือบทั้งหมด และต่อให้ที่ดินยังอยู่ก็คงไม่กล้าสร้างบ้านหลังใหม่บนที่เดิมอีกแล้ว เพราะกลัวจะเกิดเหตุซ้ำอีก
ด้านสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่สรุปรายงานสถานการณ์สาธารณภัย ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 19.00 น. เรื่อง รายงานเหตุน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 22-23 กันยายน 2567 ส่งผลให้จากทั้งหมอด 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนได้รับผลกระทบ รวม 15 อำเภอ 37 ตำบล 113 หมู่บ้าน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ เข้าสู่การฟื้นฟู จำนวน 14 อำเภอ คงมีสถานการณ์ 1 อำเภอ คือ อ.แม่ริม กำลังแก้ไขสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าหากไม่มีฝนตกหนักเพิ่ม น้ำจะลดลงต่ำกว่าตลิ่ง และผิวจราจร
โดยที่อำเภอแม่ริมมีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบหนักคือ บ้านเลขที่ 8 หมู่ 8 บ้านทรายมูล ต.ริมใต้ ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำแม่ริม กระแสน้ำได้กัดเซาะตลิ่งจนทำให้บ้านทรุดตัวลงไปในลำน้ำเสียหายทั้งหลัง แต่มีการเฝ้าระวังแจ้งเตือน และขนย้ายข้าวของและผู้ที่อาศัยออกจากพื้นที่ปลอดภัยก่อนล่วงหน้าแล้ว อยู่ในระหว่างสำรวจความเสียหาย สำหรับปริมาณฝนตกสูงสุด ที่ อ.แม่วาง 150 มม. ได้แจ้งเตือน เคลื่อนย้ายคน ผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง สัตว์เลี้ยง พ้นน้ำทันเวลาทุกจุด ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำปิง ในเขตเมืองเชียงใหม่ ซึ่งรองรับน้ำจากทางตอนบน ยังไม่ถึงจุดวิกฤต ยังสามารถบริหารจัดการระบายน้ำได้ตามแผน ระดับน้ำปิงล่าสุด พี 1 สะพานนวรัฐ เมื่อเวลา 05.00 น. 3.11 เมตรอยู่ในระดับสีเหลืองแล้ว เพิ่มระดับขึ้น ชม.ละ 4 เซนติเมตร ขณะที่จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.70 เมตร ยังต้องเฝ้าระวังต่อไป