นครปฐม - ภาค 7 สั่งเข้มทุกพื้นที่ในสังกัด 8 จังหวัด 104 สถานี ป้องกันปราบปราม งัด มาตรการ 4 ข้อ สกัด 3 ทาง กำราบแก๊งโจ๋ ซิ่ง ยกล้อ ก่อกวนป่วนเมือง แข่งรถในทาง โทษหนักจำคุก ปรับ ริบรถ
วันนี้ (22 ก.ย.) ภายใต้การอำนวยการสั่งการ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.สำเริง สวนทอง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.ภ.7 (ปป.) พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 (สส.) พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม (ปป.) พ.ต.อ.จิระเดช ชมภูนิตย์ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว พ.ต.ท.โสภณ พุ่มกุมาร รอง ผกก.ป.สภ.โพธิ์แก้ว พ.ต.ท.ธนากร ภูริกวินเลิศ รอง ผกก.สส.สภ.โพธิ์แก้ว พ.ต.ท.วสันต์ ตั้งธรรม สว.สส.สภ.โพธิ์แก้ว พ.ต.ต.กาวี เขียวงาม สวป.ชส.สภ.โพธิ์แก้ว
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว บูรณาการกำลังร่วมปล่อยแถวระดมกวาดล้าง ป้องกันอาชญากรรม และการแข่งรถในทาง พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ท่อดัง ดัดแปลงสภาพ ไม่ติดป้ายทะเบียน ไม่มีเอกสารสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ รวมกลุ่มขับขี่รถส่งเสียงดัง จำนวน รวม 30 คันตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ร.บ.จราจร จัดทำประวัติบุคคลกลุ่มเสี่ยงแข่งรถในทาง จำนวน 30 ราย
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวว่าตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร.ให้ตำรวจภูธรภาค 7 ดำเนินการเร่งรัดขับเคลื่อนกวดขันป้องกันปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอย่างเด็ดขาด เด็กแว้น รถซิ่งป่วนเมือง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยให้ตำรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี มีการประสานความร่วมมือกันทั้งงานป้องกันปราบปราม บูรณาการร่วมกับงานจราจร และงานสืบสวนสอบสวน เป็นผู้สนับสนุนข้อมูลให้สถานีตำรวจทุกพื้นที่ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ในการเฝ้าระวัง รับมือกับการนัดหมายรวมกลุ่มของเด็กแว้น แข่งรถในทางผ่านทางโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง พร้อมดำเนินการตามแนวทางมาตรการเชิงรุก 4 ข้อ
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการป้องกันพื้นที่ “ต้นทาง” ที่มีการรวมตัวกันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประชาสัมพันธ์พูดคุยเจรจาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ โดยให้ทำความเข้าใจ หรือ MOU ข้อตกลงการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม และไม่เป็นการรบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางนั้น
ในส่วนพื้นที่ “กลางทาง” ตลอดเส้นทางถึงจุดหมาย โดยให้มีบูรณาการกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัด กวดขันวินัยจราจร บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย” และพื้นที่ “ปลายทาง” ให้เฝ้าระวังพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว แล้วประชาสัมพันธ์ให้การจัดกิจกรรมนั้นไม่ไปรบกวน หรือสร้างความเดือดร้อนใหผู้อื่น
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่า ในส่วนมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางได้กำหนด 4 ข้อดังนี้ มาตรการก่อนเกิดเหตุ สืบสวนหาข่าวจากทุกช่องทาง เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ โซเชียลมีเดียประชาชนในพื้นที่ จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตั้งด่านกวดขันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจตราแหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านแต่งรถ 2.มาตรการขณะเกิดเหตุ วางแผนดำเนินการปิดล้อมจับกุม วางแผนบูรณาการกับทุกฝ่าย และหน่วยงานสนับสนุนในพื้นที่
3.มาตรการสอบสวนขยายผล หากผู้กระทำผิดเป็นประชาชน ผู้ปกครองมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก แอดมินเพจผู้ชักชวน คนซ้อน กองเชียร์ มีความผิดฐานสนับสนุน และ 4.มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บันทึกข้อมูลกลุ่มเสี่ยงต่อการแข่งรถในทางในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไว้ในระบบ CRIME อย่างเป็นระบบ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดอบรมความประพฤติเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำผิดและกลุ่มเสี่ยง ให้มีจิตอาสา ทำธารณประโยชน์เพื่อส่วนรวมพร้อมกลับคืนสู่สังคมต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ที่ควบคุมกำกับดูแลงานด้านการป้องกันปราบปราม ในพื้นที่นครปฐม จำนวน 12 สถานี ขานรับนโยบาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยทุกนายในสังกัดตำรวจภูธรนครปฐมเร่งรัดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด