เชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมทหาร ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 2 คดี ยึดของกลางยาบ้ารวมกว่า 3.2 ล้านเม็ด ลงทุนดัดแปลงตัวถังรถใช้ซุกซ่อนตบตาเจ่าหน้าที่ เผยหลังน้ำท่วมใหญ่เชียงรายและชายแดน จับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้แล้วหลายครั้ง คาดจ่อทะลักเข้ามาอีกเพียบ คาดผู้ผลิตต้องการระบายและเร่งระดมทุน สั่ง จนท.เฝ้าระวังและสกัดกั้นเข้มข้น
วันนี้(20 ก.ย.67) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยผู้แทนฝ่ายทหาร,ฝ่ายปกครอง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ภาค 5 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี ในพื้นที่อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ซึ่งจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 5 คน รถยนต์ 4 คัน และของกลางยาบ้าได้รวมทั้งสิ้น 3,280,000 เม็ด โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดจะลักลอบลำเสียงยาเสพติด จากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้สืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์เป้าหมาย กระทั่งวันที่ 11 ก.ย.67 พบรถยนต์สองคันวิ่งนำและตามกันมาออกจากอำเภอเมืองเชียงราย และต่อมาเวลาประมมาณ 14.30 น.พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ฟอร์ด เอเวอร์เรสทะเบียน 9229 พิษณุโลก ขับมาถึงด่านตรวจ จึงได้เรียกเพื่อจะตรวจคันและขอให้คนขับลงจากรถ แต่คนขับได้ขับรถหลบหนีออกไปจากต่านตรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถติดตามไปและ พบรถไปจอดทิ้งไว้บริเวณข้างถนนในหมู่บ้านแม่เชียงรายบน อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง แต่ไม่พบผู้ขับขี่ และตรวจสอบภายในรถพบกระสอบ 10 ใบ บรรจุยาบ้า จำานวนประมาณ 2,006,000 เม็ด โดยต่อมาวันที่ 12 ก.ย.67 ได้ติดตามจับกุมนายชาญณรงค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์ นำทางและสำรวจเส้นทาง ได้พร้อมรถยนต์นั่งสองตอนท้ายบรรทุก ยี่ห้อ อีซูซู ทะเบียน กธ 3673 ประจวบศีรีขันธ์ ที่ด่านตรวจยาเสพติดพยุทะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ แล้วขยายผลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ราย และต่อมาเมื่อวับที่ 18 ก.ย.67 ได้ร่วมกับ บก.ป จับกุม นายไพศาล ผู้ต้องมาตามหมายจับได้ที่ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งได้ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน รถยนต์ของกลาง 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท
ขณะที่คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ จึงสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์เป้าหมาย 2 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ เอ็มจี ทะเบียน 3ฒธ 5914 กทม. และรถยนต์แก่ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กท 5722 อุตรดิตถ์ ซึ่งต่อมาวันที่ 15 ก.ย.67 พบรถยนต์เป้าหมายออกจาก จังหวัดเชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน และเวลาประมาณ 10.30 น. รถยนต์เป้าหมายคันที่ 1 รถยนต์เก่ง ยี่ห้อ ฮอนด้า สีขาว ได้ขับมาถึงด่านตรวจ จึงได้เรียกเพื่อจะทำการตรวจค้น ซึ่งผลการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงขอนำรถยนต์เข้าทำการสแกนที่อุโมงค์เอ็กซ์เรย์ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้ปล่อยไป โดยต่อมารถยนต์กระบะ ยี่ห้อ เอ็มจี ได้ขับเข้ามาถึงต่านตรวจ และผลการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงนำรถยนต์เข้าทำการสแกนที่อุโมงค์เอ็กซ์กซ์เรย์
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงจุดพักคอย นายสัมฤทธิ์ คนขับรถ ได้เปิดประตูทางฝั่งผู้โดยสารและวิ่งหลบหนีเข้าป้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไล่ติดตามและจับกุมตัวได้ที่บริเวณข้างแม่น้ำวัง บ้านวังสำราญ ตำบลแม่พริก พร้อมได้นำรถยนต์ของนยสัมฤทธิ์ เข้าทำการสแกนที่อุโมงค์เอ็กซ์เรย์ พบยาบ้า จำนวน 637 ก้อน รวมประมาณ 1,274,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ตรงบริเวณด้านในของแผ่นรองท้ายกระบะ และยางอะไหล่ใต้ท้องรถ จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และต่อมาเวลาประมาณ 13.20 น.ได้สกัดจับรถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า กท 5722 อุตรดิตถ์ ที่ด่านตรวจยาเสพติดพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมจับกุมตัวนายสิทธิศักดิ์ และ น.ส.อรพินท์ ซึ่งให้รับว่าเป็นรถนำทางสำรวจเส้นทางจริง จึงได้ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สิน รถยนต์ของกลาง 2 คัน, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, อายัดเงินในปัญชี ของผู้ต้องหา จำนวน 26,231 บาท รวมมูลค่าทรัพย์ที่ตรวจยึดและอายัด ประมาณ 1 ล้านบาท
ทั้งนี้สรุปผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 5 นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66-19 ก.ย.67 สามารถจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 24,985 คดี ซึ่งเป็นคดีรายสำคัญ 197 คดี ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า 226 ล้านเม็ด,ไอซ์ 1,910 กิโลกรัม,เฮโรอีน 305 กิโลกรัม,เคตามีน 52 กิโลกรัม และฝิ่น 270 กิโลกรัม ดรวจยืดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติดมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,088 ล้านบาท
นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานร่วมมือกันในการสกัดกั้นขบวนการยาเสพติดอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามพบว่าทางเครือข่ายยาเสพติดยังคงมีความพยายามทุกรูปแบบในการหลบเลี่ยงตบตาเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการจับกุมในครั้งนี้ที่พบว่ามีการดัดแปลงตัวถังรถและอปุกรณ์เพื่อซุกซ่อนยาเสพติดในแผ่นรองกระบะและยางอะไหล่ใต้ท้องรถ รวมทั้งพบด้วยว่ามีความพยายามจะใช้แผ่นคาร์บอนห่อหุ้มยาเสพติดเพราะคิดว่าจะหลบเลี่ยงจากตรวจจับของเครื่องสแกนได้ แต่ก็ไม่รอดพ้น ขณะเดียวกันพบว่าหลังจากที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดเชียงราย ปรากฏว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว มีาความพยายามของเคีอข่ายยาเสพติดที่จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาอย่างต่อเนื่องครั้งและจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมได้แล้วหลายครั้ง เบื้องต้นคาดว่าทางกลุ่มผู้ค้าต้องการที่จะระบายของออกมาเพราะไม่อยากให้ยาเสพติดที่ผลิตได้รับความเสียหายและเพื่อระดมทุน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าจับตาควาเคลื่อนไหวและสกัดกั้นอย่างเข้มข้น
ด้านนายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญ ป.ป.ส.ภาค 5 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย ส่งผลกระทบต่อการผลิตยาเสพติดของขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากทำให้การนำเข้าสารตั้งต้นในการผลิตเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่าน่าเป็นห่วงว่าในช่วงหลังจากนี้เป็นต้นไปสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดประเภทเฮโรอีนเข้ามายังประเทศไทย อาจจะมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ปลูกฝิ่นที่แปรรูปเป็นเฮโรอีนในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นและได้ผลผลิตดี จึงต้องเฝ้าระวังและจับตาดูอย่างใกล้ชิด