บุรีรัมย์- ผู้ประกอบการค้าส่งและปลีกที่บุรีรัมย์ จ่อปรับลดคนงานหากรัฐบาลยังเดินหน้าขึ้นค่าแรง 400 บาท เผยแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหวเพราะราคาสินค้าแพงขึ้นไม่หยุดแต่ขายได้กำไรน้อยลง แนะรัฐควรแก้ที่ต้นเหตุด้วยการแก้ปัญหากระตุ้นเศรษฐกิจและควบคุมราคาสินค้า ชี้ปรับค่าแรงแก้ปลายเหตุเชื่อกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งผู้ประกอบการและแรงงานเสี่ยงตกงานเพิ่มขึ้น
ผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างออกมาสะท้อนว่า นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงของรัฐบาลที่ประกาศจะเริ่มปรับขึ้นเป็นวันละ 400 บาท ในเดือนตุลาคม 2567 นี้ จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งกับผู้ประกอบการ และแรงงานมากกว่า ทั้งมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่าต้นเหตุ เพราะแค่รัฐบาลประกาศจะปรับขึ้นค่าแรงผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ ก็ทยอยขึ้นราคาสินค้าแล้ว
ดังนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกตามจังหวัดต่างๆ ต้องแบกรับภาระต้นทุนในการซื้อสินค้าที่แพงขึ้น แต่ยอดขายกลับลดลงเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และเมื่อผู้ประกอบการแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว อาจจะต้องปรับลดคนงานเพื่อควบคุมต้นทุน ซึ่งจะยิ่งเสี่ยงทำให้แรงงานตกงานมากว่าจึงอยากให้รัฐบาลทบทวนนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงาน แล้วหามาตรการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนและควบคุมราคาสินค้าไม่ให้แพงขึ้นจะดีกว่า
นายวิสาร์กร รัตนถาวร ผู้ประกอบการร้านค้าส่งและค้าปลีกในตัวเมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ปัจจุบันจ้างแรงงานอยู่กว่า 20 คน หากรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงงานเป็นวันละ 400 บาท ก็จะส่งผลกระทบทำให้แบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น อาจต้องปรับลดคนงานลดเพื่อควบคุมต้นทุนให้อยู่รอด เนื่องจากปัจจุบันราคาสินค้าแพงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ยร้อยละ 20 แต่ยอดขายกลับลดลงประมาณ 20 -30 เปอร์เซ็นต์ จากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น
จึงมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า หากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลหันไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนและคนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และควบคุมราคาสินค้าไม่ให้แพงขึ้น จะช่วยได้ทั้งผู้ประกอบการและกลุ่มผู้ใช้แรงงานด้วย