ราชบุรี - สาวใต้พร้อมทั้งที่ปรึกษา กก.ตร.ยื่นหนังสือพร้อมคลิปภาพเพิ่มติดตามคดีถูกตำรวจจับทำเกินกว่าเหตุจนได้รับบาดเจ็บ นานกว่า 2 เดือนคดีไม่คืบ เข้ายื่นเรื่องให้เร่งดำเนินการหวั่นมวยล้ม ด้านเจ้าหน้าที่อ้างผบช.เป็นผู้สั่งให้ทำ
จากกรณีที่ น.ส.จุฑารัตน์ เพชรรักษ์ เจ้าของผู้ประกอบการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ และนายชาติ แก้วตาทิพย์ นักแสดงอิสระ และเป็นที่ปรึกษา กก.ตร.จ.สมุทรปราการ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมขณะกำลังนำรถบรรทุกสิบล้อมาคืนก่อนเวลาให้บริษัทรถเช่าที่ให้เช่า ซึ่งขณะถูกจับกุมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบใช้กำลังในการจับกุมเกินกว่าเหตุจนทำให้ทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บ พูดจารุนแรงด่าทอกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายกลางปั๊มน้ำมัน โดยได้นำคลิปหลักฐานขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ น.ส.จุฑารัตน์ เพชรรักษ์ และนายชาติ แก้วตาทิพย์ พร้อมทั้งผู้เสียหาย 3 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดี พร้อมทั้งยื่นหลักฐานเพิ่มเกี่ยวกับคลิปภาพขณะเข้าจับกุมนายชาติ แก้วตาทิพย์ ทำร้ายร่างกายด่าทอในที่สาธารณะกลางปั๊มน้ำมัน กล่าวหาด่าทอว่าเป็นคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนได้อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของ ผบช. ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยประสาน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการภาค 7 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นุชิต จาละ ผกก.ฝอ.บก.อก.ภ.7 เป็นตัวแทนรับมอบเอกสารและหลักฐานเพื่อให้ทำการตรวจสอบ
หลังจากนั้นได้เดินทางไปพบ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครปฐม เพื่อยื่นให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเอกสารและหลักฐานที่มี หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สลักษณ์ จรัสร่มเย็น รอง ผบก.ภ.จ.ราชบุรี อยากทราบผลของการสอบสวนเพราะคู่กรณีนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งของตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และชุดสืบสวนของตำรวจภูธร จ.ราชบุรี จึงเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งนำผู้เสียหายอีก 3 ราย ที่ถูกกระทำในวันเดียวกันมาสอบถามความคืบหน้าของคดีด้วย
โดยได้มอบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นคลิปภาพและเสียงในวันที่นายชาติ ถูกจับกุมโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ท้าทายให้นายชาตินั้น ให้โทร.หาผู้บัญชาการด้วยเพราะผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งมา ซึ่งในเรื่องนี้นายชาตินั้นเกรงว่านายตำรวจคนนั้นอาจจะแอบอ้างถึงผู้บัญชาการถ้าเป็นจริงตามที่อ้าง ทำให้รู้สึกหวาดกลัว เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย พร้อมทั้งเข้าพบ ร.ต.อ.สุทธิพันธ์ สายคุ้มพิมพ์ พนักงานสอบสวนเพื่อทราบความคืบหน้าของคดีดังกล่าวอีกด้วย
โดยนายชาติ นั้นบอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุมีการเรียกตน กับ น.ส.จุฑารัตน์ และผู้เสียหายอีก 3 คน ไปสอบแล้ว แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ผลเป็นอย่างไร ยังไม่มีการติดต่อมาจากตำรวจว่าผลของคดีนั้นไปถึงไหน จึงอยากจะมาสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการภาค 7 และ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับหารตำรวจภูธร จ.นครปฐม แล้ว
รวมทั้งขอให้ทางผู้บัญชาการภาค 7 ได้ทำการตรวจสอบคลิปภาพและเสียงที่มีการแอบอ้างนั้นว่า มีคำสั่งมาจริงหรือไม่ ส่วนใน จ.ราชบุรี ได้มีการเข้าพบพนักงานสอบสวน นั้นจะมาตามความคืบหน้าในเรื่องของการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ร่วมจับกุมว่าตอนนี้การสอบสวนไปไหนและขอให้มีการส่งผลการสอบสวนให้ทราบด้วย และหลังจากนี้จะมาติดตามทุกเดือน เพราะเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อีกทั้งตนนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำรถบรรทุกสิบล้อที่ น.ส.จุฑารัตน์ เช่ามาแล้วทางเจ้าของรถมาขอยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด และยินยอมที่จะจ่ายค่าชดเชยให้ น.ส.จุฑารัตน์ ด้วยเพียงแต่แค่มาเป็นพยานในการคืนรถ เพราะตนนั้นมีบ้านอยู่ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และบังเอิญในช่วงนั้นตนอยู่ที่บ้าน ซึ่ง น.ส.จุฑารัตน์ ได้โทร.ชวนให้มาเป็นพยาน แต่พอมาถึงมาถูกจับกุมโดยยังไม่ทราบว่าถูกจับข้อหาอะไร และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากท่อ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้งหมด ซึ่งเมื่อเหตุเกิดมาแล้วกว่า 2 เดือนแต่ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี หลังจากนี้หากไม่คืบหน้าจะร้องไปตามหน่วยงานที่สูงขึ้นไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากถูกทำร้ายจับกุมทั้งที่ไม่มีความผิดเลยจนได้รับบาดเจ็บ