นครสวรรค์ – เทศบาลฯนครสวรรค์ แปะประกาศสั่งระงับก่อสร้างคอนโดฯเครือเซ็นทรัลแล้ว..หลังเกิดเหตุเครนยักษ์พังถล่มทับบ้านเรือน 8 หลัง-คนงานดับ 1 ราย จนกว่าจะซ่อมบ้าน-เยียวยาผู้เสียหายเสร็จสิ้น ขณะที่ตำรวจเร่งตรวจหลักฐานก่อนแจ้งข้อหา
กรณีเกิดเหตุเครนขนาดใหญ่ในไซต์งานก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม สูง 19 ชั้น ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเดนซ์ จำกัด ในพื้นที่ ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พังถล่มลงมาทับบ้านเรือนของประชาชนจนพังเสียหายไปถึง 8 หลังคาเรือน รวมถึงยังมีแรงงานชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นคนขับบังคับทาวเวอร์เครนของไซต์งานก่อสร้าง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
เบื้องต้น ทางบริษัทได้ออกแถลงขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ในเหตุดังกล่าว พร้อมกับมีการส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย โดยยืนยันว่าจะรับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็น และในส่วนของทางเทศบาลนครนครสวรรค์ ได้มีการให้ความช่วยเหลือเรื่องการจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ผู้ที่ไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้(13 ก.ย.) เทศบาลนครนครสวรรค์ ได้มีการออกหนังสือคำสั่งด่วน ระงับการก่อสร้างโครงการอาคารคอนโดมิเนียม สูง 19 ชั้น ของของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเดนซ์ จำกัด ไว้แล้ว โดยนำคำสั่งดังกล่าว ไปแปะติดไว้ที่ปากทางเข้าของไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งคำสั่งนี้ จะมีผลไปจนกว่า ประชาชนที่ได้รับความเสียหายได้รับการเยียวยาซ่อมแซมบ้านพัก ให้เข้าไปพักอาศัยอยู่ได้ดังเดิมก่อน
รวมถึง จะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ทั้งหมดภายในไซต์งานก่อสร้าง ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ด้วย ส่วนเรื่องการตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ โดยตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัด ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุก่อนแล้ว แต่เนื่องจากขณะนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จึงทำให้ต้องหยุดการตรวจสอบไปก่อน
ส่วนค่ำคืนที่ผ่านมา เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเครนถล่มทบบ้านจนพัง ทั้งหมด 8 หลัง ได้เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยมีตัวแทนของบริษัทคนโด เข้ามาร่วมเจรจา ซึ่งรับปากว่า ทางบริษัท ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นเต็ม พร้อมกับจัดหาที่พัก ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ของบริษัท ที่อยู่ใกล้เคียงในละแวกบ้านผู้เสียหาย ให้พักอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราวไปก่อน
แต่เนื่องจากเจ้าของบ้านที่เสียหายแต่ละหลัง มีความเป็นห่วงบ้าน จึงไม่ขอย้ายไปไหน ทางบริษัท จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้าน พร้อมกับนำผ้าใบมาปกคลุมสิ่งของเอาไว้ให้บางจุด และต่อไฟเพื่อให้อยู่อาศัยได้ไปพราง
ขณะที่นางพงษ์วรรณา จันทวงศ์ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนนี้ตั้งใจจะพักอาศัยอยู่ในบ้านไปก่อน เพราะไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ไหน แต่มีฝนตกลงมานานหลายชั่วโมง จึงทำให้อยู่ไม่ได้ เนื่องจากหลังคาบนชั้น 2 ถูกเครนพังถล่มลงมาทับพังไปทั้งแถบ จึงทำให้น้ำฝนไหลลงมานองพื้นชั้นล่างจนไม่สามารถอยู่กันได้ จึงไปขอพักอาศัยกันอยู่ที่บ้านของพี่สาวไปก่อน ส่วนช่วงสายของวันนี้ จะมีการรวมตัวกับเจ้าของบ้านที่เสียหายทั้งหมด เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจในส่วนเรื่องความเสียหายของบ้านต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาล และหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ในการรวบรวบพยายามเอาไว้ก่อนในเบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากมีฝนตก จึงจะต้องมีการเข้าตรวจสอบอีกรอบอย่างละเอียดในวันนี้ ส่วนในเรื่องความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน ได้มีการตั้งพนักงานสอบสวนหลายนาย ให้ร่วมกับรับคำร้อง และนัดให้มาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้เช่นกัน ซึ่งก็มีการเจอตัวผู้เสียหายทั้งหมดแล้วที่โรงพัก แต่ก็ยังอยู่ในการตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมด
“ในทางคดี ได้สั่งการไปแล้ว ว่าให้ตรวจสอบทั้งหมด ทั้งหลักฐานการก่อสร้าง วิศวกรที่รับผิดชอบควบคุมงาน รวมถึงคนงานที่ขับทาวเวอร์ควบคุมเครนจนได้รับอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ในส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับ ณ เวลานี้ ก็คือต้องให้เจ้าของสถานที่โครงการก่อสร้าง เร่งดำเนินการซ่อมแซมความเสียหาย และเยียวยาให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบก่อน”