พิษณุโลก - อัยการสูงสุดระบุทุกวันนี้มีคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 700 คดีต่อวัน ความเสียหาย 450,000 ล้านบาทต่อปี แต่ตามคืนได้แค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ถามสถาบันการเงิน กสทช. แบงก์ชาติ ให้ความร่วมมือหรือไม่
วันนี้ (11 ก.ย.) นายสมพงษ์ เย็นแก้ว อธิบดีอัยการภาค 6 เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในส่วนภูมิภาค แก่อัยการแต่ละจังหวัดของภาค 5 และภาค 6 ที่โรงแรมแกรนด์ริเวอร์ไซด์ จ.พิษณุโลก เพื่อให้อัยการมีเทคนิคทำสำนวนเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาทางอาชญากรรมของประเทศไทย หลังจากมีกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า แต่ละปีมีประชาชนแจ้งความเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 700 คดีต่อวัน ความเสียหาย 450,000 ล้านบาทต่อปี เจ้าหน้าที่ทำคดีได้เงินคืนเพียงแค่ 2% เท่านั้น สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมาอบรมการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้มีความรู้เท่าทันเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวพอช่วยเหลือประชาชนได้
นายวีระชาติ ศรีบุญมา ผู้อำนวยการสถาบันอบรมการดำเนินคดีชั้นสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เป็นการอบรมเพื่อให้อัยการรู้เท่าทันด้านกฎหมายคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมาแม้มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้นมาพบว่ายังมีปัญหา และยังไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทั่วถึงและทันท่วงที ซึ่งประชาชนยังประสบปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น
หากเดือดร้อนหรือถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกก็สามารถโทรศัพท์สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ได้ หรือคอลเซ็นเตอร์ของสถาบันการเงินนั้นๆ ทั้งนี้เพื่อยับยั้งหรือ อายัดเงินทันทีภายใน 72 ชม. หลังจากนั้นจึงไปแจ้งความตำรวจภายใน 7 วัน และที่สำคัญ อัยการจะสร้างกระบวนการเยียวยาให้ประชาชน หากอายัดเงินได้เร็ว ก็สามารถคืนเงินได้เร็ว
แต่วันนี้ยังมีอุปสรรคมาก เช่น สถาบันการเงินให้ความร่วมมือหรือไม่ กสทช. หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และแบงก์ชาติให้ความร่วมมือหรือไม่ อัยการจึงเริ่มบุกเบิกและกระตุ้นให้หน่วยงานดังกล่าวให้ตื่นตัวร่วมงานกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน
