เชียงใหม่ - กลุ่มผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพฉกภาพ “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” ปลอมโปรไฟล์หลอกผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนทำบัตร ปชช.จนเหยื่อกว่า 20 รายสูญเงินรวมกันกว่าครึ่งล้าน หิ้วกระเช้าขอบคุณ "ปลัดจอมแฉ" หลัง DSI รับเป็นคดีพิเศษ พร้อมสืบสวนจนติดตามกลุ่มผู้ต้องหาได้และยื่นฟ้องศาลอาญาแล้ว ขณะที่ล่าสุดสำนักงานอัยการพิเศษยื่นมือช่วยเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องสินไหมทดแทน ทำให้มีความหวังมากขึ้นจะได้รับเงินคืน
จากกรณีช่วงกลางปี 2566 พบกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อ้างว่าสามารถช่วยเหลือในการดำเนินการลัดขั้นตอนช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนเป็นคนไทยได้ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการรายละ 50,000 บาท ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 66 นายจงฤทธิชัย ฉิ่งร่ำ อายุ 56 ปี ศิษยาภิบาลคริสตจักรดงป่าก่อ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนของผู้เสียหายอย่างน้อย 23 ราย เข้าพบนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร (ทร.14/1) และบัตรประจำตัวประชาชนที่มิจฉาชีพจัดทำให้ ซึ่งพบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
จากนั้นนายบุญญฤทธิ์จึงได้พาเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด รวมทั้งแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นและยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยผ่านนายอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการแอบอ้างชื่อปลัดกระทรวงมหาดไทยและสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ทางราชการ เพราะมิจฉาชีพเคยนัดพบกับผู้เสียหายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อให้ดูแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร (ทร.14/1) และบัตรประจำตัวประชาชนที่มิจฉาชีพจัดทำให้ ซึ่งระบุว่าออกที่สำนักทะเบียนอำเภอดอยสะเก็ด
วันนี้ (5 ก.ย. 67) รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดนายจงฤทธิชัย พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย ได้เข้าพบนายบุญญฤทธิ์ที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือจนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ ระหว่างกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้กล่าวหา กับผู้ต้องหารวม 9 คน ซึ่งได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาไปแล้ว ขณะที่ล่าสุดทางสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ได้มีหนังสือลงวันที่ 23 ส.ค. 67 เรื่องแจ้งสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามกฎหมาย ซึ่งทางกลุ่มผู้เสียหายจะได้ดำเนินการตามสิทธิต่อไป
ทั้งนี้ นายจงฤทธิชัยกล่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่ผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือจนทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามหาตัวและดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว แม้ว่าจนถึงเวลานี้ทางกลุ่มผู้เสียหายจะยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว โดยความเสียหายรวมกันทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ซึ่งมีทั้งส่วนที่มีหลักฐานและไม่มีหลักฐาน ทำให้จำเป็นจะต้องมีการรวบรวมหลักฐานกันอย่างละเอียดอีกครั้ง และดูอีกครั้งว่าจะได้เงินคืนจำนวนเท่าใด แต่ถือว่ามีความหวังมากขึ้นตามลำดับ และต้องขอบคุณทางนายบุญญฤทธิ์เป็นอย่างมากที่ให้การช่วยเหลือมาตลอดจนถึงขั้นนี้
ด้านนายบุญญฤทธิ์กล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นความสำคัญเกี่ยวกับกรณีความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ถูกหลอก และให้ความช่วยเหลือดำเนินการตามกฎหมาย เช่นเดียวกันกับที่ต้องขอบคุณทาง DSI ที่รับเป็นคดิพิเศษ จนกระทั่งติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ นอกจากนี้รู้สึกดีใจด้วยกับทางผู้เสียหายที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดได้แล้ว ส่วนจะได้รับเงินคืนเต็มตามจำนวนที่สูญเสียไปหรือไม่นั้น คงต้องดูกันอีกครั้งและขอเป็นกำลังใจให้
ขณะเดียวกัน หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเน้นย้ำและฝากเตือนถึงกลุ่มบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่ต้องการได้รับบัตรประจำตัวประชาชนเป็นคนไทยว่า ส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะได้รับสัญชาติไทยและบัตรประจำตัวประชาชนไทยอยู่แล้ว เพียงแต่มีเงื่อนไข รวมทั้งอาจจะยังต้องรอเวลาและนโยบายภาครัฐ ดังนั้นอย่าได้หลงเชื่ออย่างเด็ดขาดหากมีผู้มาแอบอ้างว่าสามารถดำเนินการลัดขั้นตอนให้ได้ เพราะไม่เป็นความจริงและอาจได้รับเอกสารที่เป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการขึ้นมาด้วย ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลให้สอบถามโดยตรงจากส่วนราชการที่รับผิดชอบ