เชียงราย – ตำรวจภาค 5-กสทช.สืบแกะรอยก่อนรวบ..หนุ่มเชียงใหม่หัวโจกเช่าบ้านติดเราท์เตอร์/ห้องพักเชื่อมสัญญาณ ต่อสายลอดสะพานข้ามแดนแม่สายเข้าท่าขี้เหล็ก ส่งสัญญาณเน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์-บ่อนพนันออนไลน์ หวนกลับมาหลอกคนไทย พบมีทั้งไทย-เมียนมา ร่วมด้วย
วันนี้ (3 ก.ย.) พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 34 (กสทช. เขต 34) นำเจ้าหน้า กสทช.และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ภ.5 (บก.สส.ภ.5) ตำรวจ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ดำเนินคดีกับนายอนุรักษ์ อายุ 26 ปี ชาว ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
ข้อหา "กระทำผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต" พร้อมยึดของกลาง 19 รายการ เช่น กล่องรวบรวมสัญญาน อุปกรณ์เชื่อมต่อและสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บางชิ้นพ่นตราเอกชนที่ให้บริการปลอมไว้ด้วย ฯลฯ
การจับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาหนุ่มเชียงใหม่รายนี้มีขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเช่าบ้านและห้องพักอยู่ใกล้กันในพื้นที่ หมู่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ห่างจากชายแดนประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีพฤติกรรมลักลอบติดตั้งสายส่งสัญญานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงปะปนไปกับท่อไฟฟ้าและสายสัญญานที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ โยงไปตามเสาไฟฟ้า-ลอดใต้สะพานจุดผ่านแดนถาวรข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย ข้ามไปฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อสายสัญญาณดังกล่าวถูกเชื่อมไปถึงฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ก็นำกระจายสัญญานลึกเข้าไปในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านถึง 8 กิโลเมตร
ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าส่งไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนออนไลน์ จึงขออนุมัติหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านและห้องพักทั้ง 2 แห่ง ก็พบของกลางต่างๆ พร้อมสายส่งสัญญานที่โยงไปจนถึงสะพาน โดยที่ห้องพักใช้เป็นจุดติดตั้งเราท์เตอร์และอุปกรณ์ ส่วนบ้านพักเป็นจุดเชื่อมต่อสัญญานอินเตอร์เน็ต จึงได้ทำการรื้อถอนออกและตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
ตรวจสอบพบนายอนุรักษ์เป็นผู้เช่าบ้านพักดังกล่าวจึงได้จับกุมตัวเอาไว้ และจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นขบวนการร่วมกันอีกอย่างน้อย 3 คนคือชายชาวเมียนมาอายุ 34 ปี ส่วนอีก 2 คนเป็นชายอายุ 31 ปีชาว ต.โป่งผา อ.แม่สาย และหญิงอายุ 35 ปี ชาว ต.แม่สาย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อติดตามจับกุม
ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบว่าขบวนการดังกล่าวมีพฤติกรรมนำสายสัญญานโยงลอดใต้สะพานข้ามพรมแดนไปอย่างอุกอาจ เพราะเป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ทั้ง 2 ฝั่งประเทศ เบื้องต้นคาดว่ามีการปลอมตัวปะปนไปกับพนักงานเอกชนที่รับติดตั้งสายส่งสัญญานตามปกติ ซึ่งต้องใช้เทคนิค ฝีมือ และเทคโนโลยีชั้นสูงจึงสามารถเชื่อมสายไฟเบอร์ออฟติกที่ใช้เครื่องมือราคาแพงถึง 400,000-500,000 บาท
พล.ต.ท.กฤตธาพล เปิดผยว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้มงวดชายแดนภาคเหนือทั้ง 2 ฝั่งประเทศคือ สปป.ลาว และเมียนมา ภายใต้ปฏิบัติการระเบิดสะพานโจรเพื่อไม่ให้มีการส่งสัญญานที่ผิดกฎหมายไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งก็จะใช้สัญญานนี้โทรศัพท์หรือติดต่อกลับมาหลอกคนไทยจนสร้างความเสียหายให้เป็นมูลค่านับหมื่นนับแสนล้านบาท
แต่ปรากฎว่าหลังจากสถานการณ์ด้านฝั่ง สปป.ลาว ลดน้อยลง กลุ่มขบวนการกลับลักลอบส่งออกสัญญานทางฝั่งที่ติดกับประเทศเมียนมา โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่พบพิรุธคือบ้านเพียง 1 หลัง กลับขอใช้อินเตอร์เน็ตมากถึง 23 ยูสเซอร์ เชื่อมเข้าสู่กล่องรวบรวมสัญญานและส่งออกผ่านสายส่งสัญญานไปทางสะพานข้ามลำน้ำสายดังกล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้หารือกับ กสทช. เขต 34 ซึ่งทางผู้บริหารระดับสูงของ กสทช.จะเข้าไปตรวจสอบสายต่างๆ ที่อยู่ใต้สะพาน ที่มีอยู่จำนวน 14 ราย หากพบว่ามีความผิดก็จะมีทั้งดำเนินคดีและรื้อถอนออกด้วย