ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เปิดเมนูอาหารพื้นบ้านอีสานยอดฮิตที่รังสรรค์ปรุงแต่งยกระดับให้ดูหรูหราเหมือนเมนูราคาแพงขายในเหลาชื่อดัง เช่น “ซอยจุ๊โอมากาเสะ”หนึ่งคำที่เคี้ยวมีหลายรสสัมผัส หรือเมนูหากินยาก “มะพร้าวเสือเบิร์นไฟ” เผยร้านอาหารอีสาน ปรุงสุกๆดิบๆ ยังได้รับความนิยมสูง แม้ภาครัฐจะทุ่มงบรณรงค์ให้ลดละเลิกกินเนื้อดิบปลาดิบมาหลายสิบปีก็ตาม
แม้ภาครัฐจะรณรงค์ให้ลด ละ เลิก กินเนื้อดิบ ปลาดิบ มาไม่ต่ำกว่า10ปีเพราะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสานที่ยังนิยมบริโภคเนื้อดิบ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนค่านิยมได้ ยิ่งเป็นเนื้อวัว อวัยวะวัวสดๆใหม่ๆด้วยแล้วชื่นชอบกันเป็นพิเศษ จึงไม่แปลกที่แต่ละจังหวัดในภาคอีสานจะมีร้านขายลาบ ก้อย ปรุงสดๆดิบๆให้เห็นอยู่ทั่วไป เป็นเครื่องยืนยันว่าอาหารพื้นบ้านอีสานสุกๆดิบๆไม่ว่ายุคใด ก็ขายได้
ล่าสุดที่ จ.ขอนแก่น ได้มีร้านบ่าวบอยซอยถี่ เปิดให้บริการ เป็นร้านสาขาที่ขยายมาจาก จ.อุดรธานี ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพขาเข้า เลยทางเลี่ยงเมือง บขส.3 ตรงข้ามโฮมฮับ มีนายอนิวัตน์ อินนาง หรือ “บ่าวบอย” อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของร้าน โดยเมนูที่บ่าวบอยแนะนำเป็นเมนูเด็ด เมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาให้ดูหรูหรา คือ “ซอยจุ๊โอมากาเสะ”หรือ “จุ๊ออดหลอด” (ออดหลอด ภาษาอีสาน หมายความว่า ไปในทิศทางเดียวกัน)
โดยเริ่มจากการนำเอาสไบนางที่หั่นแบบพอดีคำวางลงบนจาน ตามด้วย ตับ เนื้อส่วนสะโพกโบกดาก ( เนื้อแก้มก้น) เนื้อส่วนมะพร้าว ซึ่งเป็นส่วนไขมันที่อยู่บริเวณชั้นเนื้อส่วนหน้าอกของวัว สามสิบกีบ เพิ่มความหอมด้วย ใบต้นหอม พริกสด จากนั้นพันม้วนเป็นคำๆ แล้วนำไปวางบนในชะพลู เสิร์ฟบนชั้นวางแบบสไตล์โอมากาเสะ และที่ขาดไม่ได้คือ น้ำจิ้มแจ่วดีวัวแท้สูตรเด็ดของทางร้าน ที่เครื่องปรุงทำเองแบบสดใหม่ ทั้งพริกป่น ข้าวคั่ว ทำให้ได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
เมนูต่อมา คือ “มะพร้าวเสือเบิร์นไฟ” เป็นเมนูหารับประทานยากที่ลูกค้าต้องแย่งกันสั่งเป็นประจำ เนื่องจากทำได้น้อย เพราะในวัวหนึ่งตัวจะมีส่วนที่เรียกว่า “มะพร้าว” อยู่นิดเดียว ในแต่ละวัน จะได้วัตถุดิบส่วนนี้มาปรุงขายได้เพียง 3 จานเท่านั้น เขาบอกว่าหากผ่าหน้าอกวัวลงไปผ่านชั้นหนังจะไปเจอไขมันอ่อน ผ่าลงไปอีกจะไปเจอส่วนเนื้อ และจะผ่าลงไปจะไปเจอส่วนที่เป็นมันแข็ง ซึ่งส่วนมันแข็งนี่เองที่เรียกว่า “มะพร้าว” เป็นส่วนที่มีความกรุบกรอบ มัน หอม คล้ายกลิ่นของมะพร้าวแก่ โดยจะนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาเบิร์นไฟให้สุกแบบห่ามๆ เมื่อมะพร้าวโดนไฟจะส่งกินหอมเป็นอย่างมาก
ส่วนอีกเมนูที่เป็นไฮไลท์ของร้าน ก็คือ ก้อยรวม โดยนำเอาเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ของวัวอย่างละนิดละหน่อยมาสับและหั่น จากนั้นนำไปหมักกับดีวัวแท้ ๆ เพี้ย (ขี้อ่อนวัว) เลือดวัว ปรุงด้วยน้ำปลา ผงปรุงรส พริกป่น เพิ่มความหอมด้วยต้นหอมผักชีซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน จะได้เมนูก้อยเนื้อแบบขมอ่ำล่ำเป็นอย่างมาก เมนูนี้หากลูกค้าต้องการทานแบบสุก ๆ ก็สามารถแจ้งกับทางร้านได้เช่นกัน
นายอนิวัตน์ อินนาง หรือ “บ่าวบอย” เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เปิดร้านลาบก้อยและอาหารอีสานที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีอยู่ 2 สาขา โดยการทำอาหารแต่ละครั้งก็จะมีการถ่ายคลิปวีดีโอแชร์ลงในโซเชียล จนทำให้มีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก หลายคนอยากทานแต่อยู่ไกลจาก จ.อุดรธานี ก็เรียกร้องว่าอยากให้มาเปิดสาขาตามจังหวัดอื่น ๆ บ้าง ตนจึงตัดสินใจเริ่มขยายสาขาไปตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเสิร์ฟความแซ่บให้กับลูกค้า โดยเริ่มจากสาขาขอนแก่น สาขาอุบลราชธานี และสาขาลาดกระบัง สมุทรปราการ
โดยสาขาขอนแก่น ได้เปิดขายในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันแรก จุดเด่นของร้านบ่าวบอย คือ จะให้ความสำคัญกับบรรยากาศภายในร้านที่ต้องสะดวกสบาย จึงมีการจัดที่นั่งเป็น 2 โซน คือ ห้องแอร์ฟรี และโซนกลางแจ้ง วัตถุดิบที่นำมาใช้ เช่น เนื้อวัวจะมีความสดใหม่ โดยจะมีเนื้อที่ชำแหละใหม่ๆ มาส่งทุกวัน วันละ 3 ครั้ง คือ รอบเช้า รอบบ่าย และรอบเย็น เพื่อให้ลูกค้าได้ทานเนื้อแบบสดใหม่ รวมทั้งเครื่องปรุง เช่น พริกป่น ข้าวคั่ว และผักต่าง ๆ ก็เน้นความสดใหม่
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้รับทานอาหารอีสานแท้ ๆ ที่มีความแซ่บและสดใหม่ทุกจาน และนอกจากเมนูที่ทำจากเนื้อวัวแล้ว ยังมีเมนูอีสานอื่น ๆ ที่ทำจากหมู เป็ด ไก่ ปลา และเมนูอาหารทะเลอื่นๆ ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานอีกมากมาย